ชีวิตที่เติบโต
แผนการณ์ของพระเจ้านั้นดีเสมอ แม้ว่าพระองค์อาจอนุญาตให้เราต้องพบเจอกับความเจ็บปวด และความยากลำบากบ้าง ในบางก้าวของชีวิตที่กำลังเดินไปในแผนการณ์ของพระองค์
อาจดูเหมือนว่า พระเจ้าทรงนิ่งเฉยต่อสถานการณ์ที่ยากลำบากของเรา
ทรงปล่อยให้สถานะการเงินของเราคลอนแคลน ทรงอนุญาตให้ปัญหาครอบครัวรุมเร้า ทรงนิ่งเฉยต่อความเจ็บไข้ได้ป่วยของเรา และ ดูเหมือนเงียบงัน ต่อทุกหยดน้ำตาของเราที่ไหลริน
แต่อย่าวิตกกังวลใด ๆ เลย 'จงวางใจในพระเจ้าอย่างสุดจิตใจ' เพราะพระองค์กำลังจัดเตรียม "สิ่งที่ดีกว่า" ให้เรา
...
ผมเป็นหนึ่งในพันล้านคนทั่วโลก ที่มีประสบการณ์กับพระเยซูคริสต์ ในเรื่องนี้โดยตรง มากมายหลายครั้ง ตลอดอายุขัยของผมที่ผ่านมา
พระเจ้าทรงสร้างฤดูกาล
และปล่อยให้มันทำงานตามกลไกของมัน
พระเจ้าทรงสร้างสัญชาติญาณให้สัตว์ป่า
และปล่อยให้มันใช้ชีวิตตามวิสัยของมัน
พระเจ้าทรงพอพระทัยที่จะสร้างมนุษย์ และให้มนุษย์มีเสรีภาพในการใช้ชีวิต มีสติปัญญาต่างจากสัตว์ทุกสายพันธ์ุ
พระองค์ทรงสร้างทุกสิ่งในจักรวาล และให้มันเป็นไป ตามกลไกของสรรพสิ่งที่ทรงวางไว้อย่างสอดคล้องและกลมกลืน
...
ฝนตกพรำเมื่อตอนเช้า แผ่นดินไหวในเมื่อวาน พายุหนักเข้าชายฝั่งในวันนี้ อาจเป็นไปตามกลไกที่พระองค์ทรงสร้างไว้ตามปกติของมัน หรือ อาจเพราะเป็นการแทรกแซงจากพระองค์ ก็เป็นได้
ในหลายเหตุผล มนุษย์ใช้มุมของความเป็นมนุษย์มองพระเจ้า ด้วยความกังขา และปนเกลียดชังพระเจ้า ต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในโลกนี้ เพราะสิ่งเลวร้าย ไม่ควรจะมาจาก พระเจ้าที่แสนดีงาม ใช่ไหม
" พี่น้องของฉัน ไม่ควรจะล้มป่วยตายจากไปแบบนี้ ครอบครัวของฉัน ไม่ควรจะยากจนเช่นนี้ ชีวิตของฉัน ควรมีแต่ความสุขสิ "
พระเจ้าที่แสนดีหนอ .. ทำไมพระองค์ ถึงไม่มอบสิ่งดีดีนี้ให้กับมนุษย์เรา
...
หากใคร่ครวญให้แท้จริงทั้งหมดนั้น เป็นแผนการณ์ที่เราปรารถนาจะใช้ชีวิตในแบบฉบับของเราเอง ใช่หรือไม่ ?
มันไม่ใช่แผนการณ์การใช้ชีวิตในแบบฉบับของพระองค์เลย เราคร่ำครวญหา แต่ชีวิตในแบบฉบับของเรา เราจึงไม่เคยเห็นและเข้าใจ แผนการณ์ของพระเจ้าที่จะนำเราผ่านพ้นออกจากโลกนี้
พระเจ้าทรงสร้างโลก "แต่โลกไหนหละ ที่เป็นของมนุษย์" นี่เป็นคำถามที่สำคัญกว่า เพราะทั้งจักรวาลนั้น มีหลายโลก มนุษย์เองยังไปไม่ถึงเลยขอบพระจันทร์ด้วยซ้ำ
ผมตอบได้ชัดว่า "ไม่ใช่โลกนี้" เพราะเมื่อผมยอมรับน้ำพระทัย แผนการณ์ของพระเจ้า เผยให้เห็น สิ่งที่มนุษย์คิดไม่ถึง และธรรมะของมนุษย์ที่ค้นพบกันเอง ก็อธิบายไม่ได้
แม้แต่คำอธิบายโดยวิทยาการก้าวหน้าของมนุษย์ ก็อธิบายพระเจ้า แค่ในมุมมองของมนุษย์ โดยมนุษย์ และ เพื่อมนุษย์
ทุกคำตอบของธรรมะ และ ทุกคำตอบของวิทยาการ ล้วนเป็นการตอบเพื่อ ตอบสนองต่อแผนการณ์ของเราเองทั้งนั้น
พระเจ้ากำลังนำผม และอีกหลายล้านคน ฝ่าออกไปจากโลกนี้ โลกที่ผมเรียกมันว่า "ภพแห่งวัฏจักรสงสาร" โลกที่ผมเลิกคิดแล้วว่า การเกิดมาเป็น "มนุษย์ในภพนี้" เป็นบุญอันประเสริฐนัก
แผนการณ์ของพระเจ้านั้น ไม่ได้มอบ ลาภ ยศ สรรเสริญ เงินทอง ความไม่เจ็บ ไม่เสื่อม ให้กับเรา พระองค์ไม่ได้สัญญาว่า เมื่อตามพระองค์มาแล้ว เราจะมีแต่ความสุขตามแบบที่เราคิด
แต่พระองค์สัญญาว่า ในบางก้าวที่เราต้องเจ็บ พระองค์อยู่กับเราเสมอ ในทุกความอ่อนแอของเรานั้น พระองค์ก็ทรงประคองให้เราเข้มแข็งทวีคูณขึ้นด้วย
นี่แหละ คือ สิ่งที่ดีกว่า สิ่งที่มนุษย์คาดไม่ถึงว่า จะมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ารออยู่
ในโลกนี้ เราทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ที่พระเจ้าทรงรัก แต่ถูกขังไว้ในกายที่เสื่อมได้ และจิตวิญญาณของเรานั้น ก็สืบทอดต่อกันได้ ด้วยการสืบพันธ์ุตามกลไกที่พระเจ้ากำหนดไว้ เมื่อครั้งทรงสร้าง
จิตวิญญาณมนุษย์ทวีคูณจำนวนมากขึ้นทั้งโลก และ "จิตวิญญาณ" ทุกดวง ล้วนได้รับโอกาสแก้ตัว ว่าจะเลือกติดอยู่ในกับดักของตัวเอง คือ ใช้แต่สัญชาติญาณเหมือนสัตว์ป่า ดิ้นรน สาละวน กังวล แก่งแย่ง แข่งขันกับการเลี้ยงชีพ จัดการหนี้สิน ดูแลความรัก ตอบสนองความใคร่ และทุกข์ทรมานกับความอยาก หรือ จะเลือกเดินตามแผนการณ์ปลดปล่อยของพระเจ้า
เพราะแผนการณ์ของพระเจ้านั้น พระองค์จัดเตรียมสิ่งที่ดีกว่า โดยไม่ต้องพึ่งพาสัญชาติญาณในทุกเรื่อง ไม่ต้องมีคำตอบตามประสามนุษย์ไปทุกเหตุ ทุกผล ไม่ต้องสาละวนกับความหวาดกลัวในพลังเร้นลับ
พระองค์ปลดปล่อยจิตวิญญาณเราให้เป็นอิสระ และ ให้กายของเรานั้น มีชีวิตเดินไปกับแผนการณ์มั่นคงของพระองค์
เพราะพระประสงค์ที่ยิ่งใหญ่ คือ นำพา "จิตวิญญาณ" ของเราออกจากกายของโลกนี้ ข้ามห้วง ข้ามภพ กลับไปยังดินแดนต้นกำเนิด ที่ จิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ของมนุษย์ ได้เคยตั้งและเป็นอยู่ ซึ่งเราถูกพรากจากมา ให้มาวนเวียนอยู่ในโลกนี้ มานานแสนนาน
เอเมน
....
#ปรีชาญาณ