พระตรีเอกานุภาพ (Trinity)
แชร์ 603 แชร์ 586 แชร์ 615หลักพระเจ้าผู้เป็นอันติมสัจ
อันติมสัจ แปลว่า ความจริงขั้นสูงสุด โดยพระเจ้าเป็นความจริงขั้นสูงสุด และมี 3 สภาวะ คือ อนันตภาวะ (สภาวะเป็นอยู่โดยไม่รู้จักสลายไป), นิรันตรภาวะ (สภาวะเป็นอยู่ตลอดไป), สัมปุณณภาวะ (สภาวะสมบูรณ์ยิ่ง)
พระเจ้ามีพระลักษณะเป็นจิต คือ มีความนึกคิด รู้แจ้งในสรรพสิ่งทั้งปวง มีความรู้สึกตัวเสมอ ความนึกคิด ความรู้สึกเช่นนี้หาที่สุดมิได้ (มีความหมายที่ต่างจากคำว่า จิตในพุทธศาสนา ซึ่งหมายถึง สิ่งที่เป็นนามธรรม ไม่มีรูป ไม่มีขนาด ไม่มีกาลเวลา)
พระเจ้ามีลักษณะเป็นต้นกำเนิดของสรรพสิ่งต่าง ๆ ทั้งที่มีรูปร่าง และ ที่ไม่มีรูปร่างปรากฏ
พระเจ้าในหลักอินติมสัจ ทรงเป็นจิตบริสุทธิ์ ไม่มีใครสร้างพระองค์ แต่พระองค์เป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง พระเจ้าไม่มีรูปร่าง พระเจ้าดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ ไม่มีเกิด ไม่มีตาย ทรงสถิตย์อยู่ในทุกแห่ง ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง และ ทรงสามารถกระทำได้ทุกอย่าง
ในขณะที่สรรพสิ่งที่มีรูปร่างหรือไม่มีรูปร่าง กายหยาบหรือกายละเอียด ดีหรือชั่ว หากมีเหตุที่ก่อให้เกิดขึ้น ย่อมแปรเปลี่ยนดับสลายไปตามกาล แต่สิ่งใดซึ่งดำรงอยู่เอง ไร้ปัจจัย ไม่เป็นบุคคล และ ไม่เป็นของบุคคล ย่อมพ้นจากกาลเวลา และ ดำรงอยู่นิรันดร
หลักตรีเอกานุภาพ
ตรีเอกานุภาพ (หรือ ตรีเอกภาพ) คือ ภาวะเอกภาพของพระเจ้า (มีหนึ่งเดียว) ซึ่งดำรงอยู่ใน 3 บุคคล คือ พระบิดา , พระบุตร , พระจิต โดยสิ่งที่ดำรงอยู่ในทั้ง 3 บุคคล คือ ธรรมชาติของความเป็นพระเจ้า ดังนั้นทั้ง 3 บุคคลจึงเป็นพระเจ้า และ ดำรงอยู่ร่วมกันเสมอไม่ได้แยกความเป็นพระเจ้าออกจากกัน
พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียวแน่นอน แต่พระองค์ไม่ทรงอยู่ตามลำพังพระองค์เดียว ความรักและความสัมพันธ์นิรันดรระหว่างพระบิดากับพระบุตร คือ ชีวิตของพระองค์ พระบิดาทรงให้กำเนิดพระบุตรโดยให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของพระองค์ (คือ ความเป็นพระเจ้าอันติมสัจ) แก่พระบุตร และ พระบุตรสนองตอบความรักของพระบิดาด้วยการคืนทั้งสิ้นแก่พระองค์ และ ผลของความรักและความสนิทสัมพันธ์ที่พระบิดาและพระบุตรมีต่อกัน ก็คือ พระจิต (ความเป็นพระเจ้าอันติมสัจ) ดำรงอยู่ร่วมกันกับพระบิดาและพระบุตรเป็นหนึ่งเดียวกัน ทรงเท่าเทียมกันและเป็นนิรันดร์ร่วมกัน
พระภาคที่หนึ่ง คือ พระบิดา
ผู้ทรงเป็นแหล่งที่มาแห่งบรรดาคุณความดีทั้งมวล
พระภาคที่สอง คือ พระบุตร
ผู้ทรงเป็นรูปลักษณ์อันสมบูรณ์แห่งความดีของพระบิดา
พระภาคที่สาม คือ พระจิต
ทรงเป็นสายใยแห่งความสนิทสัมพันธ์ของความรักระหว่างพระบิดากับพระบุตร
ผู้ทรงเป็นแหล่งที่มาแห่งบรรดาคุณความดีทั้งมวล
พระภาคที่สอง คือ พระบุตร
ผู้ทรงเป็นรูปลักษณ์อันสมบูรณ์แห่งความดีของพระบิดา
พระภาคที่สาม คือ พระจิต
ทรงเป็นสายใยแห่งความสนิทสัมพันธ์ของความรักระหว่างพระบิดากับพระบุตร
พระบิดา พระบุตร และ พระจิต คือ องค์เดียวกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เหมือนกับสภาวะของน้ำ ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในสภาพของเหลว , ของแข็ง , ก๊าซ แต่จะมีองค์ประกอบที่เป็นหลักเหมือนกัน คือ H2O
พระภาคที่หนึ่งพระบิดา (GOD,Father)
พระบิดาผู้ทรงเป็นแหล่งที่มาแห่งบรรดาคุณความดีทั้งมวล ทรงเป็นผู้สร้างและทรงค้ำจุนทุกอย่างแก่สิ่งสร้าง ในพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิม พระเจ้าเรียกพระองค์เองว่า 'ยาเวห์' (แปลว่า เราผู้เป็น)
พระบิดาเป็นผู้กำหนดแผนการณ์ในการไถ่กู้มนุษย์ให้ได้กลับคืนมาแผ่นดินสวรรค์อีกครั้ง โดยพระองค์ทรงเสด็จมาปรากฏแก่มนุษย์ และ ทรงสั่งให้มนุษย์หลาย ๆ คน เป็นผู้บันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่การเนรมิตสร้างโลกเก็บไว้เป็นหลักฐาน และ การบันทึกนี้เองที่เป็นที่มาของม้วนหนังสือโบราณจำนวนหลายม้วน ก่อนจะถูกรวบรวมจนเป็นพระคัมภีร์ไบเบิล (ไบเบิล แปลว่า หนังสือหลายเล่ม)
ในงานจิตรกรรม ศิลปินถ่ายทอดภาพของพระบิดาให้ปรากฏในลักษณะชายผู้สูงอายุ มีหนวดเครา มีรัศมีเหนือพระเศียรของพระบิดาจะเป็นสามเหลี่ยม (เพื่อแสดงถึงหลักตรีเอกานุภาพ)
พระบิดาเป็นผู้กำหนดแผนการณ์ในการไถ่กู้มนุษย์ให้ได้กลับคืนมาแผ่นดินสวรรค์อีกครั้ง โดยพระองค์ทรงเสด็จมาปรากฏแก่มนุษย์ และ ทรงสั่งให้มนุษย์หลาย ๆ คน เป็นผู้บันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่การเนรมิตสร้างโลกเก็บไว้เป็นหลักฐาน และ การบันทึกนี้เองที่เป็นที่มาของม้วนหนังสือโบราณจำนวนหลายม้วน ก่อนจะถูกรวบรวมจนเป็นพระคัมภีร์ไบเบิล (ไบเบิล แปลว่า หนังสือหลายเล่ม)
ในงานจิตรกรรม ศิลปินถ่ายทอดภาพของพระบิดาให้ปรากฏในลักษณะชายผู้สูงอายุ มีหนวดเครา มีรัศมีเหนือพระเศียรของพระบิดาจะเป็นสามเหลี่ยม (เพื่อแสดงถึงหลักตรีเอกานุภาพ)
พระภาคที่สองพระบุตร (Son of GOD)
พระบุตรผู้ทรงเป็นรูปลักษณ์อันสมบูรณ์แห่งความดีของพระบิดา ซึ่งเป็นพระเจ้าเองผู้อวตารลงมาเกิดในรูปกายมนุษย์ เพื่อมาไถ่ความผิดบาป (ความบาป คือ การเสื่อมจากชีวิตนิรันดร์) ให้แก่มนุษย์ โดยพระบุตรนำสาส์นจากพระบิดามาแจ้งแก่มนุษย์ให้ได้รู้ว่า หนทางที่มนุษย์จะได้กลับคืนแผ่นดินสวรรค์อีกครั้ง คือ การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความรักที่สมบูรณ์แบบของพระเจ้า (คือ การรักพระเจ้าอย่างสุดจิตใจและรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตัวเอง)
พระบุตรทรงมีพระนามว่า 'เยซู' ซึ่งพระจิตเป็นผู้ตั้งพระนามนี้ให้กับพระองค์ โดยให้ทูตสวรรค์นามว่า 'กาเบรียล' แจ้งแก่พระนางมารีย์ก่อนการบังเกิดในครรภ์ของพระนาง โดยสภาวะพิเศษของพระเยซู คือ มีความเป็นมนุษย์แท้ และ เป็นพระเจ้าแท้ในร่างกายเดียวกัน ในงานจิตรกรรม ศิลปินใช้สัญลักษณ์ที่สื่อความหมายถึงพระบุตร คือ ไม้กางเขน, มงกุฏหนาม, ลูกแกะ
พระบุตรทรงมีพระนามว่า 'เยซู' ซึ่งพระจิตเป็นผู้ตั้งพระนามนี้ให้กับพระองค์ โดยให้ทูตสวรรค์นามว่า 'กาเบรียล' แจ้งแก่พระนางมารีย์ก่อนการบังเกิดในครรภ์ของพระนาง โดยสภาวะพิเศษของพระเยซู คือ มีความเป็นมนุษย์แท้ และ เป็นพระเจ้าแท้ในร่างกายเดียวกัน ในงานจิตรกรรม ศิลปินใช้สัญลักษณ์ที่สื่อความหมายถึงพระบุตร คือ ไม้กางเขน, มงกุฏหนาม, ลูกแกะ
พระจิต (Holy Spirit)
พระจิตผู้ทรงเป็นสายใยแห่งความสนิทสัมพันธ์ของความรักระหว่างพระบิดากับพระบุตร เป็นผู้ทรงบันดาลความศักดิ์สิทธิ์ให้มนุษย์ ทรงเสริมกำลังเรา ทรงสอนเรา และทรงนำทางเราต่อ หลังจากที่พระเยซูได้ฟื้นคืนพระชนม์ชีพในกายเดิม และเสด็จกลับขึ้นสู่สวรรค์ไปแล้ว (ตอนนี้พระองค์มีพระวรกายเดิมแบบมนุษย์อยู่ร่วมกับพระธรรมชาติของพระเจ้าด้วย) ที่พระเยซูได้สัญญาว่าจะส่งพระจิตของพระองค์มายังโลกนี้ ก็เพื่อให้พระจิตช่วยนำให้มนุษย์ได้เข้าใจถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นแผนการณ์ของพระองค์ และ ให้มนุษย์ได้มีหลักการใช้ชีวิตอย่างมีจุดมุ่งหมาย คือ การได้กลับคืนสู่แผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้าอีกครั้ง
ในงานจิตรกรรมศิลปินนิยมใช้รูปนกพิราบกางปีกสีขาวเพื่อสื่อความหมายถึงพระจิต และ พระจิตยังปรากฏในอีกหลายลักษณะ คือ ไฟ, ลม และ น้ำ
ในงานจิตรกรรมศิลปินนิยมใช้รูปนกพิราบกางปีกสีขาวเพื่อสื่อความหมายถึงพระจิต และ พระจิตยังปรากฏในอีกหลายลักษณะ คือ ไฟ, ลม และ น้ำ
ตรีเอกานุภาพที่สะท้อนในชีวิตคริสตชน
การที่พระเยซูทรงรับเอากายมาบังเกิด (อวตาร) เป็นมนุษย์ โดยฤทธิ์อำนาจของพระจิต จึงเป็นเหตุให้มนุษย์ได้สนิทกับพระตรีเอกานุภาพ (ซึ่งปรากฏในรูปกายของพระเยซู) ดังนี้
ด้วยเหตุที่คริสตชนสนิทกับพระตรีเอกภาพ จึงส่งผลให้คริสตชนมีหลักการในการใช้ชีวิตในโลกนี้ตามแบบของพระตรีเอกภาพ คือ การมีความรักเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ เพราะได้รับสิทธิ์การเป็นบุตรบุญธรรมของพระบิดา สิทธิ์การเป็นพี่น้องกับพระเยซู และ การประทับอยู่ของพระจิตในตัวของเรา
ด้วยสิทธิ์ที่ได้รับ จึงทำให้คริสตชนมีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบและกระทำออกไปอย่างสม่ำเสมอตลอดชีวิต ดังนี้
แชร์ 603 แชร์ 586 แชร์ 615
- พระบิดาทรงโปรดให้เราเป็นลูกของพระองค์ ผ่านถ้อยคำของพระเยซูคริสต์ ซึ่งสอนให้เราอธิษฐานถึงพระองค์ว่า 'ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย'
- พระบุตรทรงโปรดให้เราเป็นพี่น้องกับพระองค์
- พระจิตทรงประทับอยู่ในเรา เหตุเพราะพระเยซูสัญญาว่าจะประทับอยู่ในเราผ่านพระจิต (ดังนั้น พระจิตซึ่งประทับอยู่ร่วมกับพระบิดา ก็จะประทับอยู่ในเราโดยปริยาย)
ด้วยเหตุที่คริสตชนสนิทกับพระตรีเอกภาพ จึงส่งผลให้คริสตชนมีหลักการในการใช้ชีวิตในโลกนี้ตามแบบของพระตรีเอกภาพ คือ การมีความรักเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ เพราะได้รับสิทธิ์การเป็นบุตรบุญธรรมของพระบิดา สิทธิ์การเป็นพี่น้องกับพระเยซู และ การประทับอยู่ของพระจิตในตัวของเรา
ด้วยสิทธิ์ที่ได้รับ จึงทำให้คริสตชนมีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบและกระทำออกไปอย่างสม่ำเสมอตลอดชีวิต ดังนี้
- รักษาความสัมพันธ์ในแนวดิ่ง คือ ฉันกับพระเจ้า (การขอบพระคุณ การขอโทษ และ การวิงวอน) และ ฉันกับเพื่อนมนุษย์ คือ รักแบบไร้เงื่อนไขให้อภัยได้เสมอ
- เป็นหนึ่งเดียวกันเสมอเหมือนพระตรีเอกภาพ ให้ครอบครัวของเรามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (โดยมีความรักของพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง)
- มั่นใจไม่หวาดกลัว เพราะพระตรีเอกภาพประทับอยู่ในตัวเรา พระองค์เป็นบ่อเกิดแห่งความหวัง ความเข้มแข็ง และ พระกำลัง และ พระองค์ทรงเป็นเป้าหมายสุดท้ายในการเดินทางของชีวิตเรา
- เคารพตนเองและผู้อื่น เพราะตัวเราเป็นพระวิหารของพระจิต ซึ่งทั้งสามพระบุคคลประทับอยู่นั่นเอง
ในบทภาวนาของพระศาสนจักรคาทอลิกจะเริ่มต้นด้วยพระนามของพระตรีเอกภาพและลงท้ายด้วยการถวายพระเกียรติแด่พระตรีเอกภาพเสมอ การประกอบพิธีศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดจะกระทำโดยพระตรีเอกภาพ ผ่านผู้ประกอบพิธี รวมถึงการตีระฆังที่วัด 3 ครั้ง เพื่อระลึกถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระตรีเอกภาพในการรับเอาสภาพกายมนุษย์ของพระเยซูคริสต์
แชร์ 603 แชร์ 586 แชร์ 615
คลิก รับข่าวแวดวงคาทอลิกถึงหน้าจอ