สาระพระคัมภีร์
ความจริงทางจิตวิทยา
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 สมาคมจิตเวชศาสตร์แห่งอเมริกา ( American Pshchiatric Asociation) ได้ตัดคำว่า "รักร่วมเพศ" ออกจากคู่มือรายชื่อโรคที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดปรกติทางจิตและอารมณ์ และสมาคมจิตวิทยาแห่งอเมริกา (American Psychological Association) ให้การสนับสนุนเรื่องนี้อย่างหนักแน่น ทั้งสองสมาคมเรียกร้องให้นักจิตวิทยาทั่วประเทศให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนเสียใหม่ ว่าโฮโมเซ็กช่วลไม่ได้เป็นความผิดปรกติทางจิตอย่างที่เคยเข้าใจกัน
สมาคมจิตวิทยาแห่งอเมริกาให้ความรู้แก่ประชาชน ว่า การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งมีพฤติกรรมรักร่วมเพศนั้น มิใช่เป็นสิ่งที่บุคคลนั้นเลือกได้เสมอไป เช่นเดียวกับพฤติกรรมรักต่างเพศหรือกลุ่มคนที่สังคมให้การยอมรับว่าเป็นปรกตินั้น ก็มิได้เป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถเลือกเองได้เช่นกัน ความสนใจในเพศเดียวกัน ต่างเพศหรือทั้งสองเพศเกิดขึ้นได้อย่างไรนั้น ยังไม่เป็นที่กระจ่างชัดนักต่อนักวิทยาศาสตร์ มีหลายทฤษฎีที่เสนอสาเหตุที่แตกต่างกันไป บ้างก็ว่าเกิดจากพันธุกรรมหรือจากปัจจัยของฮอร์โมนที่มีมาแต่กำเนิด บ้างก็ว่าเป็นเหตุของสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากเห็นพ้องต้องกันว่าความสนใจทางเพศนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของชีวิต ผ่านทางปฏิสัมพันธ์รวมไปถึงปัจจัยที่ซับซ้อนอื่นๆทางชีววิทยา จิตวิทยาและสังคมวิทยา
ท่าทีของพระศาสนจักร
เรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาใหม่ที่พระศาสนจักรคาทอลิกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ มีการให้ความรู้ความเข้าใจแก่สัตบุรุษผ่านทางจดหมายอภิบาลหลายฉบับ รวมทั้งต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดกับบุคคลรักร่วมเพศอย่างชัดเจน ดังตัวอย่างคำสอนและจดหมายอภิบาลของพระสังฆราช แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีใจความดังต่อไปนี้
1. ความสนใจในเพศเดียวกัน มิใช่สิ่งที่บุคคลสามารถเลือกเองได้ " บางคนพบว่าความสนใจในเพศเดียวกันของเขานั้น ไม่ได้เกิดจากการกระทำของเขาเอง …พวกเขาควรได้รับความเคารพ สิทธิเสรีภาพ มิตรภาพและความยุติธรรม พวกเขาควรมีบทบาทและส่วนร่วมในพระศาสนจักรคาทอลิก" (จดหมายอภิบาลของสภาพระสังฆราชสหรัฐอเมริกา, To love in Christ Jesus)
"กลุ่มหญิงและชายที่มีแนวโน้มในเรื่องรักร่วมเพศ เป็นกลุ่มคนที่ไม่สมควรถูกละเลย พวกเขามิได้เป็นคนเลือกที่จะสนใจเพศเดียวกัน " (Catechism of the Catholic Church, #1995)
2. การมีความสนใจในเพศเดียวกันไม่เป็นบาป " ความเอนเอียงในทางเพศเดียวกันของคนรักร่วมเพศไม่เป็นบาป …เนื่องจากมนุษย์แต่ละคนถูกสร้างขึ้นมาตามพระฉายาของพระเจ้า การที่บางคนถูกอ้างถึงโดยมุมมองที่จำกัดเพียงเพราะเขาหรือเธอเป็นพวกรักร่วมเพศนั้น เป็นการอ้างอิงที่ไม่มีเหตุเพียงพอ" (Vatican Congregation for the Doctrine of Faith (CDF) "Letter to the Bishops of the Catholic Church on the Pastoral Care of Homosexual Person")
3. การมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดศีลธรรม เหมือนในกรณีของการมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส พระศาสนจักรจึงเรียกร้องให้มีการดูแลเอาใจใส่กลุ่มคนรักร่วมเพศอย่างดี
" การมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน…ซึ่งต่างจากการมีความสนใจในเพศเดียวกันนั้น ถือว่าผิดศีลธรรม ทั้งผู้ที่มีความสนใจในเพศเดียวกันและผู้ที่มีความสนใจในเพศตรงข้าม ถูกเรียกให้เป็นพยานในการงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส และโดยอาศัยพระเมตตาของพระเจ้า จึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ถือว่าผิด…อย่างไรก็ดี ผู้ที่สนใจในเพศตรงข้ามมีโอกาสที่จะเข้าสู่พิธีสมรสได้ ส่วนกลุ่มคนรักร่วมเพศไม่มีโอกาส ดังนั้นชุมชนคาทอลิกควรให้การอภิบาลดูแลเอาใจใส่ และให้ความเห็นอกเห็นใจแก่พวกเขาเป็นพิเศษ" (จดหมายอภิบาลของสภาพระสังฆราชสหรัฐอเมริกา, To love in Christ Jesus)
ขอขอบคุณ newmana.com