ชีวิตที่เติบโต
Nabeel Qureshi มุสลิมผู้กลับใจมาเป็นคริสเตียน ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องราวในชีวิตของเขา
ภูมิหลัง
สมัยก่อน Nabeel เป็นมุสลิมที่เคร่งศาสนามาก
เขาเกิดปี คศ.1983 ในแคลิฟอร์เนีย ฐานะพลเมืองสหรัฐฯ
พ่อแม่ของเขาเป็นสมาชิกที่เคร่งศาสนาของนิกาย Ahmadi ของศาสนาอิสลาม ซึ่งแตกต่างจากอิสลามดั้งเดิมในหลักคำสอนเล็กน้อยแต่มีความเชื่อร่วมกันในหลักศรัทธาทั้ง 6 ข้อ คือ
1.ศรัทธาในอัลลอฮ์(ซุบฮานะฮูวะต้าอาลา)
2.ศรัทธาในมะลาอิกะฮ์
3.ศรัทธาในคัมภีร์(อัลกุรอาน)
4.ศรัทธาต่อศาสนทูต
5.ศรัทธาในวันสิ้นโลก
6.ศรัทธาในกฎแห่งสภาวการณ์
และยึดมั่นในหลักปฏิบัติทั้ง 5 ประการ
1.อ่าน Shahada (พยานแห่งศรัทธา)
2.ละหมาดฟัรฎู (ละหมาดตามพิธีกรรม)
3.การจ่ายซะกาต (ทาน)
4.การถือศีลอด (อดอาหาร)
5.ประกอบพิธีฮัจญ์ (แสวงบุญที่นครเมกกะ)
ครอบครัวของ Nabeel เป็นครอบครัวที่รักและแน่นแฟ้นที่สุดที่เขารู้จัก และมีศูนย์กลางอยู่ที่อิสลามซึ่งเป็นกรอบและพิมพ์เขียวในชีวิตของเขา
แม่ของเขาสอนภาษาอูรดูและภาษาอาหรับให้เขาก่อนที่เขาจะเรียนภาษาอังกฤษเมื่ออายุได้ 4 ขวบ เมื่ออายุได้ 5 ขวบ เขาได้อ่านอัลกุรอานเป็นภาษาอาหรับทั้งเล่มและจดจำได้หลายบท
พ่อแม่ของเขายังฝึกให้เขารู้จักการปกป้องความเชื่อ(Apologetics) เพื่อที่เขาจะไม่เพียงแค่เชื่อในอิสลามเท่านั้น แต่ยังสามารถปกป้องอิสลามและหักล้างศาสนาอื่นๆ เช่น ศาสนาคริสต์
การเผชิญหน้าต่อคริสเตียน
ในเดือนสิงหาคม คศ.2001 ขณะเป็นนักศึกษาที่ Old Dominion University ในเมืองนอร์ฟอล์ก รัฐเวอร์จิเนีย Nabeel ได้สังเกตเพื่อนนักศึกษาคนหนึ่งที่ชื่อ
David Wood(ปัจจุบันเขาเป็นผู้รับใช้พระเจ้าที่มีชื่อเสียง) อ่านพระคัมภีร์ไบเบิลในเวลาว่าง
Nebeel อ่านอัลกุรอานเป็นประจำ แต่เขาก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นคริสเตียนอ่านพระคัมภีร์ด้วยตัวเอง
Nabeel ท้าทายความเชื่อคริสเตียนของ David โดยเริ่มจากข้อกล่าวหาที่ว่าพระคัมภีร์ได้เสื่อมเสียบิดเบือนไปตามกาลเวลา
David ปรารถนาที่จะเป็นนักปกป้องความเชื่อคริสเตียน และชายหนุ่มทั้งสองได้สร้างมิตรภาพและมีส่วนร่วมในการโต้เถียงที่กินเวลาหลายปี
ในการทำงานผ่านข้อโต้แย้งของ David และตรวจสอบหลักฐานด้วยตัวเขาเอง ในที่สุด Nabeel ก็เชื่อมั่นในความน่าเชื่อถือทั่วไปของพันธสัญญาใหม่
ต่อมา Nabeel ตั้งข้อคัดค้านว่าพระเยซูไม่เคยอ้างตัวว่าเป็นพระเจ้า หลังจากรู้ว่าสิ่งนี้ไม่จริง Nabeel ท้าทาย
David ว่าพระเยซูไม่เคยสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และเขาเปลี่ยนใจอีกครั้งด้วยความเต็มใจที่จะตรวจสอบหลักฐาน
เวลาผ่านไป 2 ปีครึ่ง Nabeel ได้ยกสิ่งกีดขวางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการยอมรับศาสนาคริสต์ นั่นคือคนคนหนึ่งจะตายเพื่อบาปของอีกคนหนึ่งได้อย่างไร? แล้วพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียวจะเป็นตรีเอกานุภาพได้อย่างไร? ตอนนี้เขากำลังอ่านพระคัมภีร์และพิจารณาคำกล่าวอ้างของพระคริสต์สำหรับตัวเขาเอง
ในทางกลับกัน David เริ่มท้าทายความมั่นใจของ Nabeel ในการอ้างอิสลาม ในทางสติปัญญา
Nabeel ยึดมั่นในอิสลามด้วยเหตุผลส่วนตัวหลายประการ (เช่น ประเภทของชีวิตที่อิสลามสร้างขึ้น) แต่โดยหลักแล้ว หลักอ้างก็คือว่าอิสลามเป็นความจริง
เพราะมูฮัมหมัดเป็นผู้เผยพระวจนะที่แท้จริงของพระเจ้า แต่หลังจากศึกษาแหล่งข้อมูลเบื้องต้นและชีวประวัติแล้ว ในที่สุด Nabeel ก็สรุปได้ว่าเขาไม่สามารถยึดมั่นกับแนวคิดที่ว่ามูฮัมหมัดเป็นผู้เผยพระวจนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประวัติศาสตร์
ตั้งแต่เดือนธันวาคม ค.ศ. 2004 ถึงเดือนเมษายน ค.ศ 2005 Nabeel ได้ประสบกับความฝันอันแจ่มชัด 3 ประการซึ่งบอกเขาอย่างยิ่งว่าศาสนาคริสต์เป็นความจริงและควรปฏิบัติตามพระคริสต์
ต่อมาในปีนั้น เขาเดินทางไปวอชิงตัน ดี.ซี. , แคนาดา และอังกฤษ เพื่อค้นหาชาวมุสลิมที่มีความรู้ซึ่งสามารถตอบข้อโต้แย้งต่อต้านอิสลามที่เขาเคยพบเจอได้
"ผมได้ยินคำตอบที่หลากหลายตั้งแต่ไม่น่าเชื่อถืออย่างมากไปจนถึงค่อนข้างแปลกใหม่ และผมได้พบกับผู้คนที่มีตั้งแต่จริงใจไปจนถึงพูดจาดูถูกเหยียดหยาม ในตอนท้ายของการวิจัยของผม ข้อโต้แย้งสำหรับและต่อต้านอิสลามยังคงมีความสมดุล แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนอย่างมาก คือพวกเขายังห่างไกลในการเข้าใกล้จุดแข็งของศาสนาคริสต์"
พบพระคริสต์
Nabeel ได้เล่าว่า
"วันแรกของการเรียนแพทย์ปีที่ 2 ของผม มันหนักเกินจะทนไหว ผมเลยตัดสินใจโดดเรียนเพราะอยากจะโหยหาความสะดวกสบาย ผมกลับไปที่อพาร์ทเมนต์ของผม และวาง
อัลกุรอานและไบเบิลไว้ข้างหน้า ผมหันไปหาอัลกุรอาน แต่ไม่มีการปลอบโยนอยู่ในนั้น เป็นครั้งแรกที่หนังสือนี้ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับความทุกข์ของผมเลย ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตของผม มันรู้สึกเหมือนหนังสือที่ตายแล้ว ผมไม่มีที่ไป ผมเลยลองเปิดพันธสัญญาใหม่และเริ่มอ่าน ผมอ่านอย่างรวดเร็วมาถึงข้อความที่กล่าวไว้ว่า "บุคคลผู้โศกเศร้าย่อมเป็นสุข เพราะพวกเขาจะได้รับการปลอบโยน
(มัทธิว 5:4)
คำพูดนั้นกระโจนออกจากหน้ากระดาษและทำให้ใจผมเต้นแรง ผมไม่สามารถวางพระคัมภีร์ลงได้ และผมได้เริ่มอ่านอย่างร้อนรน ไปถึงมัทธิว 10:37 ซึ่งสอนว่าผมต้องรักพระเจ้ามากกว่าพ่อกับแม่
"ข้าแต่พระเยซู" ผมพูด "การยอมรับพระองค์ก็เหมือนกับการตาย ผมจะต้องยอมละทิ้งทุกอย่าง"
ข้อพระคัมภีร์ถัดๆมา พูดกับผมว่า "และใครที่ไม่รับกางเขนของตนและตามเราไป คนนั้นก็ไม่มีค่าควรกับเรา ผู้ที่จะเอาชีวิตของตนรอด จะกลับเสียชีวิต แต่ผู้ที่เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เราก็จะได้ชีวิตรอด"
(มัทธิว 10:38-39)
พระเยซูตรัสตรงไปตรงมามาก สำหรับมุสลิม การติดตามข่าวประเสริฐเป็นมากกว่าการเรียกร้องให้อธิษฐาน มันคือการเรียกร้องให้ตาย
ผมคุกเข่าลงที่เตียง สละชีวิตของตน
ไม่กี่วันต่อมา คน 2 คนที่ผมรักที่สุดในโลกนี้ต้องเสียใจเพราะการทรยศของผม จนถึงวันนี้ครอบครัวของผมแตกสลายจากการตัดสินใจของผม และผมรู้สึกระทมทุกข์ทุกครั้งที่เห็นราคาที่ต้องจ่าย
แต่พระเยซูเป็นพระเจ้าแห่งการกลับใจและการไถ่บาป พระองค์ทรงไถ่คนบาปให้มีชีวิตด้วยความตายของพระองค์ และทรงไถ่สัญลักษณ์แห่งการประหารชีวิตโดยการใช้มันแทนเพื่อความรอด พระองค์ทรงไถ่ความทุกข์ของผมโดยให้ผมพึ่งพาพระองค์ทุกขณะ น้อมใจไปหาพระองค์ ผมเจ็บปวดที่ได้รู้จักพระองค์อย่างใกล้ชิด พระองค์ทรงมาหาผมผ่านการสืบสวน ความฝัน และนิมิต และทรงเรียกผมให้สวดอ้อนวอนด้วยความทุกข์ทรมาน ที่นั่นผมพบพระเยซู การติดตามพระองค์นั้นคุ้มค่าที่จะละทิ้งทุกสิ่ง"
กลับสู่อ้อมกอดพระบิดาในฐานะลูกนิรันดร์
Nabeel ได้ผันตัวเป็นนักเขียนและผู้รับใช้พระเจ้า เขาได้เขียนหนังสือเด่นๆ 3 เล่ม คือ "No God But One: Allah Or Jesus ?" และ "Seeking Allah, Finding Jesus" (เป็นผลงานที่ดีมาก พี่น้องลองไปซื้อกันได้ครับ)
และแล้ว เขาได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ในปี 2017
โดยในระหว่างที่เขาต่อสู้กับโรคมะเร็ง เขาได้จับจ้องและแสวงหาพระเยซูในช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของเขา เขาอธิษฐานและย้ำเตือนคริสเตียนถึงความรักของพระเจ้า
ณ ปัจจุบัน ผลงานของเขาเป็นมรดกอันล้ำค่า และจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป
คลิปวีดีโอให้สัมภาษณ์ของ Nabeel ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเขา (ภาษาอังกฤษ)
คลิปวีดีโอของ Nabeel และ พ่อชาวมุสลิมของเขา
Cr.ข้อมูลบางส่วน:https://www.thegospelcoalition.org/.../nabeel-qureshi.../ , https://www.impact360institute.org/.../the-life-and.../ , https://youtu.be/kZpPhDzgdzg , https://youtu.be/O63PrxYZQ8M , https://webaccess.dra.go.th/rpc/cat/ebook/2563/BRK63/mobile/index.html
(จริงๆข้อมูลชีวประวัติที่ผมเอามามันยังไม่หมด พี่น้องสามารถไปตามอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในลิงค์อ้างอิงข้อมูล อันที่ 2 ได้เลยครับ เนื้อเรื่องเดียวกัน ส่วนของผมเป็นแบบสรุป)
ขอพระเจ้าเสริมกำลังและอวยพรทุกท่านครับ
คัดลอกจากเฟสบุค : Kammunth Pun
https://www.facebook.com/1382438239175010/