แม่พระ (Mother of God)
แชร์ 382 แชร์ 401 แชร์ 423
ประวัติแม่ของพระเยซูคริสต์
มารีย์เป็นชื่อที่มาจากภาษาฮีบรูว่า มีเรียม (myriam) ซึ่งแปลว่า 'ผู้ที่พระเจ้าทรงรักโปรดปราน' มารีย์เป็นชาวนาซาเรธ ชนเผ่ายูดาห์ บิดาชื่อยออากิม และ มารดาชื่ออันนา มารีย์กำเนิดโดยพระพรของพระเจ้า เหมือนที่ซาราห์ตั้งครรภ์อิสอัค มารดาของมารีย์ก็เป็นหมันเช่นกัน จึงได้วอนขอบุตรจากพระเจ้า พระเจ้าได้ตอบรับคำวอนขออันนาให้มารีย์กำเนิดในครรภ์โดยปราศจากบาปกำเนิด
ในปี 1854 พระศาสนจักรคาทอลิกก็ได้มีประกาศเป็นหลักข้อเชื่อที่ต้องเชื่อเป็นสากลโดยเรียกการเกิดของมารีย์ว่า เป็นการปฏิสนธินิรมล (Immaculate of Assumption) เพราะเป็นข้อความเชื่อที่สอดคล้องกับแผนการณ์ไถ่กู้ที่มีไว้ล่วงหน้าสำหรับมารีย์
มารีย์เป็นเด็กสาวที่มีศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างหมดหัวใจ (เหตุเพราะมารีย์ถือกำเนิดมาจากพระพรของพระเจ้า) เมื่อถึงเวลามีคู่ครองก็ได้หมั้นกับชายผู้ชอบธรรม ชื่อ โยเซฟซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากดาวิด แต่ยังไม่ทันได้แต่งงาน ทูตสวรรค์กาเบรียลก็นำสาส์นจากพระเจ้ามาแจ้งแก่มารีย์ว่า เธอจะตั้งครรภ์โดยฤทธิ์อำนาจของพระจิตเจ้า มารีย์ได้ตอบกลับทูตสวรรค์กาเบรียลว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าขอให้เป็นไป (fiat) กับข้าพเจ้าตามวาทะของท่านเถิด” (ลูกา 1:38)
เมื่อโยเซฟทราบเรื่องจึงจะทำการถอนหมั้นอย่างลับ ๆ แต่ทูตสวรรค์มาแจ้งแก่โยเซฟว่า อย่าถอนหมั้นและให้ปกป้องมารีย์และบุตรที่กำลังจะเกิด โยเซฟก็น้อมรับและรับมารีย์เป็นภรรยาแต่ในนาม จนเมื่อพระกุมารเยซูประสูติที่เบธเลเฮม ในคืนนั้นทูตสวรรค์ได้แจ้งแก่โยเซฟให้พามารีย์และพระกุมารหนีไปอยู่ที่อียิปต์ และอยู่ที่อิยิปต์จนกว่าจะแจ้งให้กลับมา
เมื่อทูตสวรรค์แจ้งให้กลับมายังอิสราเอล โยเซฟ มารีย์ และ พระเยซูในวัยเยาว์ก็ได้เดินทางกลับมาอยู่ที่แคว้นกาลิลี และอาศัยอยู่ที่เมืองนาซาเรธ โดยพระเยซูช่วยโยเซฟผู้เป็นบิดาทำงานช่างไม้ และ ให้ความเคารพมารีย์ในฐานะมารดา และเรียกมารีย์ว่า "แม่" ให้ปรากฏในพระคัมภีร์อยู่หลายครั้ง
ในปี 1854 พระศาสนจักรคาทอลิกก็ได้มีประกาศเป็นหลักข้อเชื่อที่ต้องเชื่อเป็นสากลโดยเรียกการเกิดของมารีย์ว่า เป็นการปฏิสนธินิรมล (Immaculate of Assumption) เพราะเป็นข้อความเชื่อที่สอดคล้องกับแผนการณ์ไถ่กู้ที่มีไว้ล่วงหน้าสำหรับมารีย์
มารีย์เป็นเด็กสาวที่มีศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างหมดหัวใจ (เหตุเพราะมารีย์ถือกำเนิดมาจากพระพรของพระเจ้า) เมื่อถึงเวลามีคู่ครองก็ได้หมั้นกับชายผู้ชอบธรรม ชื่อ โยเซฟซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากดาวิด แต่ยังไม่ทันได้แต่งงาน ทูตสวรรค์กาเบรียลก็นำสาส์นจากพระเจ้ามาแจ้งแก่มารีย์ว่า เธอจะตั้งครรภ์โดยฤทธิ์อำนาจของพระจิตเจ้า มารีย์ได้ตอบกลับทูตสวรรค์กาเบรียลว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าขอให้เป็นไป (fiat) กับข้าพเจ้าตามวาทะของท่านเถิด” (ลูกา 1:38)
เมื่อโยเซฟทราบเรื่องจึงจะทำการถอนหมั้นอย่างลับ ๆ แต่ทูตสวรรค์มาแจ้งแก่โยเซฟว่า อย่าถอนหมั้นและให้ปกป้องมารีย์และบุตรที่กำลังจะเกิด โยเซฟก็น้อมรับและรับมารีย์เป็นภรรยาแต่ในนาม จนเมื่อพระกุมารเยซูประสูติที่เบธเลเฮม ในคืนนั้นทูตสวรรค์ได้แจ้งแก่โยเซฟให้พามารีย์และพระกุมารหนีไปอยู่ที่อียิปต์ และอยู่ที่อิยิปต์จนกว่าจะแจ้งให้กลับมา
เมื่อทูตสวรรค์แจ้งให้กลับมายังอิสราเอล โยเซฟ มารีย์ และ พระเยซูในวัยเยาว์ก็ได้เดินทางกลับมาอยู่ที่แคว้นกาลิลี และอาศัยอยู่ที่เมืองนาซาเรธ โดยพระเยซูช่วยโยเซฟผู้เป็นบิดาทำงานช่างไม้ และ ให้ความเคารพมารีย์ในฐานะมารดา และเรียกมารีย์ว่า "แม่" ให้ปรากฏในพระคัมภีร์อยู่หลายครั้ง
แม่พระ หมายถึง แม่ของพระเจ้า ?
คำว่า "แม่พระ" เป็นคำย่อของคำว่า แม่ของพระเยซูคริสต์ ซึ่งจริง ๆ จะเรียกว่า แม่ของเยซูก็ได้เช่นกัน แต่เพราะภาษาไทยเป็นภาษาที่มีชนชั้นวรรณะ คนไทยจึงไม่สบายใจที่จะเรียก พระเยซูว่า เยซู เฉย ๆ ได้ เมื่อเอ่ยถึงมารีย์ซึ่งมีฐานะเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด ก็เลยต้องเรียกว่า แม่ของพระเยซูคริสต์ และมีการเรียกอย่างย่อว่า "แม่พระ"
เพราะพระตรีเอกภาพในภาคของพระบุตร คือ พระเยซูคริสต์ทรงยินยอมรับเอาสภาพกำเนิด (อวตาร) มาในรูปกายมนุษย์ พระเยซูจึงเป็นทั้งมนุษย์แท้ และ พระเจ้าแท้ในร่างกายเดียวกัน และเพราะมารีย์เป็นแม่ให้กำเนิดฝ่ายเนื้อหนังของพระเยซูคริสต์ จึงมีฐานะเป็นแม่ของพระเยซูคริสต์ และ เพราะพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าแท้ในกายเดียวกันด้วย มารีย์จึงเป็นแม่ของพระเจ้าในฝ่ายเนื้อหนังที่ได้มอบครรภ์ให้แก่พระตรีเอกภาพในภาคของพระบุตรไปพร้อมกันด้วย สมกับชื่อของมารีย์ที่แปลว่า 'ผู้ที่พระเจ้าทรงรักโปรดปราน' พระตรีเอกภาพจึงรักและโปรดปรานที่จะยอมรับครรภ์ของมารีย์ให้กำเนิดรูปกายมนุษย์สำหรับภารกิจของพระองค์
แต่มารีย์ไม่ได้เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดพระตรีเอกภาพในภาคของพระบิดาแต่อย่างใด คือ ไม่ได้เป็นแม่ของพระเจ้าในฝ่ายจิต (อันติมสัจ)
เพราะพระตรีเอกภาพในภาคของพระบุตร คือ พระเยซูคริสต์ทรงยินยอมรับเอาสภาพกำเนิด (อวตาร) มาในรูปกายมนุษย์ พระเยซูจึงเป็นทั้งมนุษย์แท้ และ พระเจ้าแท้ในร่างกายเดียวกัน และเพราะมารีย์เป็นแม่ให้กำเนิดฝ่ายเนื้อหนังของพระเยซูคริสต์ จึงมีฐานะเป็นแม่ของพระเยซูคริสต์ และ เพราะพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าแท้ในกายเดียวกันด้วย มารีย์จึงเป็นแม่ของพระเจ้าในฝ่ายเนื้อหนังที่ได้มอบครรภ์ให้แก่พระตรีเอกภาพในภาคของพระบุตรไปพร้อมกันด้วย สมกับชื่อของมารีย์ที่แปลว่า 'ผู้ที่พระเจ้าทรงรักโปรดปราน' พระตรีเอกภาพจึงรักและโปรดปรานที่จะยอมรับครรภ์ของมารีย์ให้กำเนิดรูปกายมนุษย์สำหรับภารกิจของพระองค์
แต่มารีย์ไม่ได้เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดพระตรีเอกภาพในภาคของพระบิดาแต่อย่างใด คือ ไม่ได้เป็นแม่ของพระเจ้าในฝ่ายจิต (อันติมสัจ)
มารีย์ถือพรหมจรรย์หลังจากประสูติพระเยซูคริสต์
เหตุเพราะมารีย์ถือกำเนิดโดยพระพรของพระเจ้า ให้เป็นผู้ปราศจากบาปกำเนิด และยังตอบรับความทุกข์ทรมานอันแสนยิ่งใหญ่ 7 ประการ พระเจ้าจึงดลใจให้โยเซฟและมารีย์ใช้ชีวิตต่อกันในแบบที่บริสุทธิ์ เพื่อให้การประทับอยู่ของพระตรีเอกภาพในพระกายของพระเยซูคริสต์ ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในครอบครัวของโยเซฟและมารีย์นั้น ปราศจากมลทิล เป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าอย่างแท้จริง (ให้ตรงกันข้ามกับอาดัมและเอวา)
สังคมยิวจึงรับรู้ภายนอกในเวลานั้นว่า เยซูบุตรโยเซฟ มีบิดาทำอาชีพช่างไม้ และ มารดาชื่อมารีย์ ถูกต้องตามประเพณีของยิวในสมัยนั้น แต่ภายในครอบครัวของพระเยซูคริสต์นั้น ต่างรับรู้หน้าที่และตำแหน่งของตัวเองเป็นอย่างดี
พระเยซู คือ บุตรชายและพระเป็นเจ้าในกายเดียวกัน ทั้งมารีย์และโยเซฟ จึงให้ความรักต่อพระเยซูเจ้าเยี่ยงบุตรสุดที่รัก และก็ยังให้ความเคารพยำเกรงพระองค์ ในฐานะพระเป็นเจ้าในเวลาเดียวกัน
สำหรับโยเซฟแล้ว พระเยซู คือ ลูกชายสุดที่รักอย่างยิ่ง และ เป็นพระเจ้าที่เคารพบูชาด้วย ซึ่งโยเซฟก็รู้ฐานะของพระเยซูดี ตั้งแต่ทูตสวรรค์กาเบรียลมาแจ้งข่าว และพระเจ้าได้ยกเอาความปรารถนาฝ่ายเนื้อหนังของโยเซฟออกไป และให้ปฏิสัมพันธ์กับมารีย์ในฐานะน้องสาว
โยเซฟเป็นผู้นำครอบครัว เลี้ยงชีพด้วยการเป็นช่างไม้ นำเงินทองซื้ออาหารและสิ่งจำเป็น มาเลี้ยงดูพระเยซูจนเติบใหญ่ ปกป้องดูแลความปลอดภัยให้แก่มารีย์และพระเยซู
ด้วยเหตุผลดังกล่าว มารีย์จึงเป็นสิ่งสร้าง (โดยพระวาทะ) ที่พระเจ้าทรงตกแต่งไว้อย่างบริสุทธิ์ และ ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง
สังคมยิวจึงรับรู้ภายนอกในเวลานั้นว่า เยซูบุตรโยเซฟ มีบิดาทำอาชีพช่างไม้ และ มารดาชื่อมารีย์ ถูกต้องตามประเพณีของยิวในสมัยนั้น แต่ภายในครอบครัวของพระเยซูคริสต์นั้น ต่างรับรู้หน้าที่และตำแหน่งของตัวเองเป็นอย่างดี
พระเยซู คือ บุตรชายและพระเป็นเจ้าในกายเดียวกัน ทั้งมารีย์และโยเซฟ จึงให้ความรักต่อพระเยซูเจ้าเยี่ยงบุตรสุดที่รัก และก็ยังให้ความเคารพยำเกรงพระองค์ ในฐานะพระเป็นเจ้าในเวลาเดียวกัน
สำหรับโยเซฟแล้ว พระเยซู คือ ลูกชายสุดที่รักอย่างยิ่ง และ เป็นพระเจ้าที่เคารพบูชาด้วย ซึ่งโยเซฟก็รู้ฐานะของพระเยซูดี ตั้งแต่ทูตสวรรค์กาเบรียลมาแจ้งข่าว และพระเจ้าได้ยกเอาความปรารถนาฝ่ายเนื้อหนังของโยเซฟออกไป และให้ปฏิสัมพันธ์กับมารีย์ในฐานะน้องสาว
โยเซฟเป็นผู้นำครอบครัว เลี้ยงชีพด้วยการเป็นช่างไม้ นำเงินทองซื้ออาหารและสิ่งจำเป็น มาเลี้ยงดูพระเยซูจนเติบใหญ่ ปกป้องดูแลความปลอดภัยให้แก่มารีย์และพระเยซู
ด้วยเหตุผลดังกล่าว มารีย์จึงเป็นสิ่งสร้าง (โดยพระวาทะ) ที่พระเจ้าทรงตกแต่งไว้อย่างบริสุทธิ์ และ ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง
พี่น้องของพระเยซูมาจากไหนในพระคัมภีร์
สังคมยิวเป็นสังคมที่นับถือเครือญาติกันอย่างเคร่งครัดจนถึงทุกวันนี้ การเรียกชื่อคนหนึ่งต้องอ้างถึงบิดาด้วย เช่น ยอห์นบุตรเศคาริยาห์ , ยากอบบุตรเศเบดี, ยากอบบุตรเอเฟซัส ฯลฯ สังคมยิวจึงเรียกลูกของป้า ลูกของน้า ลูกของลุง ลูกของลูกของน้าว่า 'พี่น้อง'
อันนาแม่ของมารีย์ ก็ยังมีพี่น้องที่แต่งงานและให้กำเนิดด้วย (สังคมยิวเป็นสังคมที่ต้องแต่งงานมีลูกหลาน การมีลูก คือ การได้รับพรจากพระเจ้า) และ พี่น้องของอันนาก็ให้กำเนิดบุตร ซึ่งก็นับเป็นลูกพี่ลูกน้องของพระเยซูคริสต์เช่นกัน
พี่น้องของโยเซฟ ก็แต่งงานและมีลูกหลานเช่นเดียวกัน เป็นลูกพี่ลูกน้องในเครือญาติเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ และ สังคมยิวนอกครอบครัวของพระองค์ ก็รับรู้ว่าคนเหล่านั้น คือ 'พี่น้อง' ของพระเยซูคริสต์
ยอห์น เดอะแบบติส (ยอห์นผู้ทำพิธีล้างให้แก่พระเยซูคริสต์) เป็นบุตรของเอลิซาเบธ ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าของมารีย์ ซึ่งเป็นเครือญาติเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ และ สมาชิกในเครือญาติของพระองค์เรียกความสัมพันธ์ระหว่างกันว่า 'พี่น้อง'
และเป็นธรรมดาที่พี่น้องของพระเยซูคริสต์จะมารอพบพระองค์ ในขณะที่กำลังออกเทศน์สอนประชาชน เพื่อพูดคุย ร่วมตื่นเต้นในเรื่องราวที่พระองค์เทศนา เพื่อสนทนาประสาพี่น้อง หรือ กิจกรรมง่ายที่สุดเลย คือ พวกเขามาตามพระองค์ไปกินอาหารเย็นร่วมกับครอบครัว
พี่น้องในที่นี้ จึงไม่ได้หมายความว่า มารีย์มีสัมพันธ์กับโยเซฟจนเกิดบุตรคนต่อ ๆ มาแต่อย่างใด เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง พระเยซูคริสต์จะตรัสบอกก่อนสิ้นพระชนม์ทำไมว่า 'นี่ คือ แม่ของท่าน' หากว่า มารีย์มีบุตรของตัวเอง เพราะมันคงแปลกว่า ในเมื่อก็รู้กันอยู่แล้วว่า เขาเป็นแม่ลูกกัน แล้วจะยังมาตรัสยกแม่ของเขา ให้เป็นแม่ของเขา ทั้งที่เขาก็เป็นแม่ลูกกันอยู่แล้วทำไม
อันนาแม่ของมารีย์ ก็ยังมีพี่น้องที่แต่งงานและให้กำเนิดด้วย (สังคมยิวเป็นสังคมที่ต้องแต่งงานมีลูกหลาน การมีลูก คือ การได้รับพรจากพระเจ้า) และ พี่น้องของอันนาก็ให้กำเนิดบุตร ซึ่งก็นับเป็นลูกพี่ลูกน้องของพระเยซูคริสต์เช่นกัน
พี่น้องของโยเซฟ ก็แต่งงานและมีลูกหลานเช่นเดียวกัน เป็นลูกพี่ลูกน้องในเครือญาติเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ และ สังคมยิวนอกครอบครัวของพระองค์ ก็รับรู้ว่าคนเหล่านั้น คือ 'พี่น้อง' ของพระเยซูคริสต์
ยอห์น เดอะแบบติส (ยอห์นผู้ทำพิธีล้างให้แก่พระเยซูคริสต์) เป็นบุตรของเอลิซาเบธ ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าของมารีย์ ซึ่งเป็นเครือญาติเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ และ สมาชิกในเครือญาติของพระองค์เรียกความสัมพันธ์ระหว่างกันว่า 'พี่น้อง'
และเป็นธรรมดาที่พี่น้องของพระเยซูคริสต์จะมารอพบพระองค์ ในขณะที่กำลังออกเทศน์สอนประชาชน เพื่อพูดคุย ร่วมตื่นเต้นในเรื่องราวที่พระองค์เทศนา เพื่อสนทนาประสาพี่น้อง หรือ กิจกรรมง่ายที่สุดเลย คือ พวกเขามาตามพระองค์ไปกินอาหารเย็นร่วมกับครอบครัว
พี่น้องในที่นี้ จึงไม่ได้หมายความว่า มารีย์มีสัมพันธ์กับโยเซฟจนเกิดบุตรคนต่อ ๆ มาแต่อย่างใด เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง พระเยซูคริสต์จะตรัสบอกก่อนสิ้นพระชนม์ทำไมว่า 'นี่ คือ แม่ของท่าน' หากว่า มารีย์มีบุตรของตัวเอง เพราะมันคงแปลกว่า ในเมื่อก็รู้กันอยู่แล้วว่า เขาเป็นแม่ลูกกัน แล้วจะยังมาตรัสยกแม่ของเขา ให้เป็นแม่ของเขา ทั้งที่เขาก็เป็นแม่ลูกกันอยู่แล้วทำไม
ความเป็นพรหมจารีย์สำคัญกับมารีย์
มารีย์เป็นสิ่งสร้างพิเศษของพระเจ้า เพราะกำเนิดโดยฤทธิ์อำนาจ โดยพระเจ้า เป็นของพระเจ้า และเพื่อพระเจ้าอย่างแท้จริง เมื่อเป็นสิ่งสร้างที่แสนพิเศษเช่นนี้แล้ว พระเจ้าพอพระทัยที่จะให้สิ่งสร้างพิเศษนี้ ไม่ต้องตกเป็นมลทิล
เหตุเพราะเพศเป็นบาปที่สองต่อจากบาปจองหองของอาดัมและเอวา เมื่ออาดัมและเอวาตื่นรู้ สิ่งที่ทั้งสองกระทำทันที คือ หาใบไม้มาปิดเพศของตนทันที
ความเป็นพรหมจารีย์จึงสำคัญต่อมารีย์ เพื่อให้กายของมารีย์และจิตวิญญาณนั้นบริสุทธิ์ และ มารีย์ก็เลือกที่จะตอบสนองต่อน้ำพระทัยนี้ของพระเจ้า ทั้งหมดเพื่อให้มารีย์ได้รับรางวัลอันแสนยิ่งใหญ่จากพระเจ้า คือ การรับมารีย์ขึ้นสวรรค์ทั้งกายและจิตวิญญาณพร้อมกัน เหตุเพราะกาย จิตวิญญาณของมารีย์นั้นบริสุทธิ์ เพราะกำเนิดจากพระวาทะของพระเจ้า
ความเป็นพรหมจารีย์ของมารีย์ ยังสอดคล้องกับพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นแบบอย่างให้มารีย์ (พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกว่า แม่กับลูก เขาคุยอะไรกันบ้าง แต่เรามั่นใจได้ว่า ความเป็นแม่กับลูกนั้น เขาน่าจะคุยกันมากกว่าที่เราจะสามารถรับรู้ได้)
เหตุเพราะเพศเป็นบาปที่สองต่อจากบาปจองหองของอาดัมและเอวา เมื่ออาดัมและเอวาตื่นรู้ สิ่งที่ทั้งสองกระทำทันที คือ หาใบไม้มาปิดเพศของตนทันที
ความเป็นพรหมจารีย์จึงสำคัญต่อมารีย์ เพื่อให้กายของมารีย์และจิตวิญญาณนั้นบริสุทธิ์ และ มารีย์ก็เลือกที่จะตอบสนองต่อน้ำพระทัยนี้ของพระเจ้า ทั้งหมดเพื่อให้มารีย์ได้รับรางวัลอันแสนยิ่งใหญ่จากพระเจ้า คือ การรับมารีย์ขึ้นสวรรค์ทั้งกายและจิตวิญญาณพร้อมกัน เหตุเพราะกาย จิตวิญญาณของมารีย์นั้นบริสุทธิ์ เพราะกำเนิดจากพระวาทะของพระเจ้า
ความเป็นพรหมจารีย์ของมารีย์ ยังสอดคล้องกับพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นแบบอย่างให้มารีย์ (พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกว่า แม่กับลูก เขาคุยอะไรกันบ้าง แต่เรามั่นใจได้ว่า ความเป็นแม่กับลูกนั้น เขาน่าจะคุยกันมากกว่าที่เราจะสามารถรับรู้ได้)
เมื่อกษัตริย์ต้องการตอบแทนหญิงชาวบ้าน
เมื่อกษัตริย์แห่งอาณาจักรที่เรืองอำนาจที่สุดในแผ่นดินโลก ได้ตัดสินพระทัยที่จะฝากพระราชโอรสที่เพิ่งประสูติไว้กับหญิงสามัญชนสักคนหนึ่ง ให้เลี้ยงดูพระราชโอรสเป็นเสมือนลูกของหญิงคนนั้น จึงมีการคัดสรรหญิงเหล่านั้นอย่างลับ ๆ จนในที่สุดก็มีหญิงคนหนึ่งที่ได้ผ่านการเลือกจากกษัตริย์ว่าเป็นผู้ที่มีความพร้อมทั้งกายและจิตใจ มุ่งมั่นที่จะเสียสละปกป้องพระราชโอรสด้วยทั้งชีวิตของนางอย่างแท้จริง และ หญิงนั้นก็ตอบรับคำขอของกษัตริย์ด้วยใจที่ยินดีอย่างเหลือล้น
เมื่อกษัตริย์ได้มอบพระราชโอรสให้กับหญิงสามัญชนนั้นแล้ว กษัตริย์ก็ได้สั่งกำชับให้หญิงนั้นไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป และให้แสดงแก่เพื่อนบ้านว่า พระราชโอรสนั้นเป็นลูกของหญิงคนนี้
พระราชโอรสเรียกหญิงนั้นว่า "แม่" และใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชน ผูกพันและรักกันเหมือนดังแม่ลูกที่ให้กำเนิดกันมา กาลเวลาได้ผ่านไป เมื่อพระราชโอรสได้เติบใหญ่ ได้ทราบความที่แท้จริงจากหญิงคนนั้นแล้ว ก็น้อมรับสิ่งที่เป็นพระราชกิจของพระบิดา และ ทำงานจนเสร็จสิ้นตามพระราชหฤทัยของพระบิดา
เมื่อพระราชโอรสได้กลับไปเถลิงถวัลย์ขึ้นครองราชย์แล้ว ก็ไม่ได้ลืมการงานดีของหญิงสามัญชนผู้นั้น เมื่อครั้งอยู่นอกพระราชวัง หญิงผู้ซึ่งพระองค์เคยเรียกว่า "แม่" ผู้สละทั้งชีวิตของนางเพื่อเลี้ยงดูและปกป้องพระองค์ตั้งแต่ยังเป็นทารกน้อย ทำงานเลี้ยงดูด้วยความเหนื่อยยาก จนพระองค์เติบใหญ่ได้ทำงานถวายแก่พระบิดาได้จนสำเร็จ
กษัตริย์จึงทรงเรียกหญิงสามัญชนคนนั้นให้เข้าพระราชวัง เพื่อรับรางวัลสูงสุดเท่าที่กษัตริย์จะมอบให้ได้ และแต่งตั้งนางด้วยยศตำแหน่งสูงสุดเท่าที่จะมีให้ จากหญิงสามัญชนธรรมดา สู่ราชินีผู้เปี่ยมด้วยความเมตตาและความดีงามบริสุทธิ์ตลอดกาล
เมื่อกษัตริย์ได้มอบพระราชโอรสให้กับหญิงสามัญชนนั้นแล้ว กษัตริย์ก็ได้สั่งกำชับให้หญิงนั้นไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป และให้แสดงแก่เพื่อนบ้านว่า พระราชโอรสนั้นเป็นลูกของหญิงคนนี้
พระราชโอรสเรียกหญิงนั้นว่า "แม่" และใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชน ผูกพันและรักกันเหมือนดังแม่ลูกที่ให้กำเนิดกันมา กาลเวลาได้ผ่านไป เมื่อพระราชโอรสได้เติบใหญ่ ได้ทราบความที่แท้จริงจากหญิงคนนั้นแล้ว ก็น้อมรับสิ่งที่เป็นพระราชกิจของพระบิดา และ ทำงานจนเสร็จสิ้นตามพระราชหฤทัยของพระบิดา
เมื่อพระราชโอรสได้กลับไปเถลิงถวัลย์ขึ้นครองราชย์แล้ว ก็ไม่ได้ลืมการงานดีของหญิงสามัญชนผู้นั้น เมื่อครั้งอยู่นอกพระราชวัง หญิงผู้ซึ่งพระองค์เคยเรียกว่า "แม่" ผู้สละทั้งชีวิตของนางเพื่อเลี้ยงดูและปกป้องพระองค์ตั้งแต่ยังเป็นทารกน้อย ทำงานเลี้ยงดูด้วยความเหนื่อยยาก จนพระองค์เติบใหญ่ได้ทำงานถวายแก่พระบิดาได้จนสำเร็จ
กษัตริย์จึงทรงเรียกหญิงสามัญชนคนนั้นให้เข้าพระราชวัง เพื่อรับรางวัลสูงสุดเท่าที่กษัตริย์จะมอบให้ได้ และแต่งตั้งนางด้วยยศตำแหน่งสูงสุดเท่าที่จะมีให้ จากหญิงสามัญชนธรรมดา สู่ราชินีผู้เปี่ยมด้วยความเมตตาและความดีงามบริสุทธิ์ตลอดกาล
บทสรุป
พระโอรสเมื่อปลอมตัวเป็นคนสามัญ ในสายตาผู้คนก็คือชาวบ้านทั่วไป แต่ความจริงย่อมไม่เปลี่ยนแปลง ทรงเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ไม่มีอะไรเปลี่ยนความจริงข้อนี้ไปได้
พระเยซูเจ้าเมื่อทรงเสด็จลงมารับเอากายเป็นมนุษย์ ที่เกิดจากเลือดและเนื้อของพระนางมารีย์ มีความรู้สึก รู้ร้อน รู้หนาว รู้เหน็ดเหนื่อย รู้เจ็บปวด แต่สภาวะความเป็นพระเจ้าของพระองค์ก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ยังทรงสนิทสัมพันธ์กับพระบิดาและพระจิตเจ้า ดังปรากฏในพระคัมภีร์ที่ว่า "เราอยู่ในพระบิดา และพระบิดาทรงอยู่ในเรา"
เมื่อพระราชโอรสได้เถลิงราชสมบัติจากพระบิดา ก็มิได้ทรงลืมหญิงดีงามผู้นั้น ในความรัก ความเอาใจใส่ของนาง กษัตริย์จึงทรงเรียกหญิงนั้นเข้าวัง และแต่งตั้งนางเป็นฮองไทเฮา ทั้งที่นางก็เป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดา แต่เพราะทรงพอพระทัยในน้ำใจ และความรักของนางที่มีต่อพระองค์ ที่รักเหมือนลูกของนางเอง
พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเป็นเจ้าผู้สูงสุด เมื่อพระองค์เสด็จกลับสวรรค์ พระบิดาประทานอำนาจแก่พระบุตรให้ทรงพิพากษาทั้งผู้เป็นและผู้ตาย และทรงประทานมุงกฏราชินีแห่งสวรรค์ให้พระนางมารีย์ เช่นเดียวกัน กับหญิงดีงามผู้นั้นที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา
แม่พระเองก็เช่นกัน พระนางไม่ใช่พระเจ้า แต่เป็นสิ่งสร้างที่พระเจ้าทรงตกแต่งไว้เป็นพิเศษ ให้พระนางเป็นผู้บริสุทธิ์ไร้มลมิล ปราศจากบาปกำเนิด และทรงโปรดปรานในคุณงามความดีของพระนาง
พระเยซูเจ้าเมื่อทรงเสด็จลงมารับเอากายเป็นมนุษย์ ที่เกิดจากเลือดและเนื้อของพระนางมารีย์ มีความรู้สึก รู้ร้อน รู้หนาว รู้เหน็ดเหนื่อย รู้เจ็บปวด แต่สภาวะความเป็นพระเจ้าของพระองค์ก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ยังทรงสนิทสัมพันธ์กับพระบิดาและพระจิตเจ้า ดังปรากฏในพระคัมภีร์ที่ว่า "เราอยู่ในพระบิดา และพระบิดาทรงอยู่ในเรา"
เมื่อพระราชโอรสได้เถลิงราชสมบัติจากพระบิดา ก็มิได้ทรงลืมหญิงดีงามผู้นั้น ในความรัก ความเอาใจใส่ของนาง กษัตริย์จึงทรงเรียกหญิงนั้นเข้าวัง และแต่งตั้งนางเป็นฮองไทเฮา ทั้งที่นางก็เป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดา แต่เพราะทรงพอพระทัยในน้ำใจ และความรักของนางที่มีต่อพระองค์ ที่รักเหมือนลูกของนางเอง
พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเป็นเจ้าผู้สูงสุด เมื่อพระองค์เสด็จกลับสวรรค์ พระบิดาประทานอำนาจแก่พระบุตรให้ทรงพิพากษาทั้งผู้เป็นและผู้ตาย และทรงประทานมุงกฏราชินีแห่งสวรรค์ให้พระนางมารีย์ เช่นเดียวกัน กับหญิงดีงามผู้นั้นที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา
แม่พระเองก็เช่นกัน พระนางไม่ใช่พระเจ้า แต่เป็นสิ่งสร้างที่พระเจ้าทรงตกแต่งไว้เป็นพิเศษ ให้พระนางเป็นผู้บริสุทธิ์ไร้มลมิล ปราศจากบาปกำเนิด และทรงโปรดปรานในคุณงามความดีของพระนาง