ชีวิตที่เติบโต

David Wood

วัยรุ่นที่พยายามฆ่าพ่อตัวเองและถูกตัดสินจำคุกถึง 10 ปี แต่พระเยซูให้ชีวิตใหม่ ต่อไปนี้คือเรื่องราวในชีวิตของเขา จากผู้ไม่เชื่อพระเจ้าสู่การเป็นคริสเตียน

 

 

 

วัยเด็ก

David เกิดที่ รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา ค.ศ.1976

เดิมเขาไม่เชื่อในพระเจ้า

เมื่อเขาอายุ 5 ขวบ เขามีหมาตัวหนึ่งชื่อโกลิอัท

วันหนึ่งแม่ของ David รับโทรศัพท์และร้องไห้ เธอหันมา

บอกกับเขาว่า "มันถูกรถบัสทับ"(มันตายแล้ว) แต่ David มองไปที่แม่ของตัวเองและคิดแค่เพียงว่า

"แล้วไงอ่ะ มันก็แค่หมา"

David ไม่เข้าใจ ว่าแม่กับคนอื่นจะเศร้าทำไม ในเมื่อมันตายแล้ว การร้องไห้ไม่ได้เปลี่ยนความจริง แล้วจะร้องทำไม? เขายังสังเกตเห็นอีกว่าผู้คนไม่ได้แบ่งปันธรรมชาติเชิงลึกของความเป็นจริงเลย และในฤดูร้อนตอนที่เขาอยู่ Grade 10(ม.4-ม.6) เพื่อนสนิทที่สุดของเขาสมัยประถมเสียชีวิต เขาชื่อ Jimmy

Jimmy เคยพูดอยู่เสมอว่าจะเล่นพาราเซล(กระโดดร่ม) ในที่สุดเขาก็มีโอกาสแต่สายรัดของเขาก็ขาด เขาจึงเสียชีวิต เมื่อ David ได้ยินเรื่องนี้หลังจากเคาะประตูบ้าน เขาก็มีปฏิกิริยาแบบเดียวกับตอนที่สุนัขของเขา

โกลิอัทตาย นั่นคือ แล้วไง?(ก็ตายไปแล้ว) แต่คราวนี้ต่างออกไป ดูเหมือนว่าเขาควรจะรู้สึกกับความตายของ Jimmy เขาเลยเริ่มสงสัยว่าอาจมีบางอย่างผิดปกติกับตัวเขาหรือเปล่า หลังจากเขาได้ไตร่ตรองเรื่องนี้มาหลายเดือน เขาก็รู้ว่าทำไมเขาถึงแตกต่าง เขาคิดว่าเขาได้พัฒนาไปสู่ระดับที่สูงขึ้นของความเป็นมนุษย์

"อารมณ์เศร้าเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ที่คุณมีเป็นเหมือนหางที่หลงเหลือจากรูปแบบชีวิตดึกดำบรรพ์ของเรา แต่มนุษยชาติ 2.0 ได้มาถึงแล้ว และแบบจำลองก่อนหน้านี้ของคุณก็ล้าสมัยไปแล้ว"

 

ประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิต

ปีต่อมา David ได้วิ่งหนีตำรวจกลางดึกเพราะว่าเขาทำผิดกฎหมาย เขาถูกตำรวจล้อมเอาไว้ เขาก็เลยได้กระโดดว่ายน้ำหนีลงไปในแม่น้ำ และเดินผ่านต้นไม้อีกฝั่งหนึ่ง ในที่สุดเขาก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้แล้วพบว่าตัวเอง

อยู่ในสวนหลังบ้านของใครบางคน ซึ่งมันเป็นสวนที่สวยงาม เขาเริ่มเดินไปรอบๆ ทันใดนั้นเขาก็ได้ฉุดคิดว่า

"ฉันไม่สนใจคนในบ้านนั้น แล้วทำไมฉันถึงออกนอกเส้นทางเพื่อหลีกเลี่ยงการเหยียบสวน แล้วอีกอย่าง ทำไมฉันถึงมีมารยาทขนาดนี้ เพราะฉันถูกล้างสมองไง นั่นแหละคือเหตุผล ฉันทำผิดกฎหมายมาหลายปีแล้ว แต่สังคมก็ยังควบคุมพฤติกรรมของฉันมาตลอด ความยิ่งใหญ่ถูกทำให้แปดเปื้อนโดยคนธรรมดา"

ขณะที่ David กระทืบเดินผ่านสวนนั้น เขารู้สึกมีอิสระอย่างเหลือเชื่อ

"โลกนี้มีเราทุกคนอยู่บนสายจูง สายจูงที่ทำจากกฎ

ทำอย่างนี้นะ อย่าทำอย่างนั้นนะ แต่สายจูงจะหลุดทันทีถ้าเรารู้ว่าเราไม่ต้องทำอะไรให้ใครที่บอกให้เราทำ แน่นอน หากคุณต้องการจะหลุดพ้นจากคนเขาคิดอย่างนี้ที่บงการจริงๆ คุณต้องทำตรงข้ามกับที่ได้รับคำสั่ง"

 

 

ดำดิ่ง

David เริ่มชอบขว้างปาทำลายข้าวของ ทรัพย์สินสิ่งของของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นห้าง,ร้าน หรือโรงเรียน ชอบลักขโมย ไม่ชอบอยู่ในกฎระเบียบ ชอบแหกกฎ

เรียกง่ายๆว่า เป็นบุคคลที่ต่อต้านสังคมมากๆ

จนกระทั่งวันหนึ่ง David มีความคิดหนึ่งที่แว๊บเข้ามาในหัว

ว่าเขาอยากมีอิสระมากขึ้น ไม่อยากถูกควบคุมหรือถูกปกครอง เป็นเสี้ยววินาทีที่มโนธรรม,จริยธรรม ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขาไม่ทำงาน เขาจึงตัดสินใจว่า

"จะฆ่าพ่อตัวเอง"

เขาถือค้อนในมือ เดินเข้าไปหาพ่อตัวเอง เสร็จแล้วก็กระหน่ำฟาดค้อนเข้าไปที่ศีรษะของพ่อตัวเองหลายครั้ง

จนมั่นใจแล้วว่า "ตายแน่ๆ" จากนั้นเขาก็เดินออกมาเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นก็มีเพื่อนพ่อมาพบ

จึงรีบพาส่งโรงพยาบาลในสภาพร่อแร่

David เดินไปสารภาพกับแม่ว่าเขาไม่น่าทำอย่างนี้เลย

แม่พาเขาไปที่โรงพยาบาล หมอได้ลงความเห็นว่าเขามี

"โรคบุคลิกภาพต่อต้านสังคม" ไม่ชอบอยู่กับคนหมู่มาก ไม่ชอบเจอคน พอ David รักษาตัวได้สักพักก็ถูกนำตัวไปที่คุก เขาถูกตัดสินจำคุกถึง 10 ปี ในข้อหาทำร้ายร่างกาย

 

 

ชีวิตในคุก

ช่วงที่อยู่ในคุก David ได้เจอคริสเตียนคนหนึ่ง

ชื่อว่า Randy ขณะที่ Randy กำลังอ่านพระคัมภีร์ไบเบิลอยู่ David ก็เลยพูดกับ Randy ว่า

"นายอ่านพระคัมภีร์เพราะนายอยู่อเมริกาใช่มั้ยล่ะ ถ้านายเกิดในจีนนายก็คงเป็นพุทธ ถ้านายเกิดในอินเดียนายก็คงเป็นฮินดู ถ้านายเกิดในซาอุดิอาระเบีย นายก็ต้องเป็นมุสลิม คนอย่างนายถูกสอนให้เชื่ออะไรก็เชื่อตามนั้น ก็เชื่อตามคนอื่นเขาบอกใช่มั้ยล่ะ"

เสร็จแล้วทั้งสองก็ได้มีการตอบโต้กันไปมา

David ได้เล่าว่า

"ตัวผมเองก็ต้องยอมรับว่า Randy เป็นคนที่ใจเย็นมาก

ในการอธิบายและการตอบคำถามต่างๆ ซึ่งหลายคนก็ไม่ค่อยใจเย็นกับผมมากนัก เรามีการสนทนาพูดคุยกันเป็นเดือนๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นประเด็นโต้แย้งเรื่องคริสเตียน

โต้แย้งกันไปโต้แย้งกันมา และ Randy ก็เอาชนะผมได้ในทุกข้อโต้แย้ง สิ่งที่ผมทำก็คือผมได้ไปเปิดพระคัมภีร์อ่าน

เพื่อจับผิดและนำไปโต้แย้ง"

 

 

พบพระเยซูและการคืนดี

David ได้เล่าต่อว่า

"พอผมอ่านไปเจอชีวิตพระเยซูก็ต้องบอกว่าเหลือเชื่อมาก ผมรู้สึกประทับใจในชีวิตของพระองค์ ความรู้สึกของผมก็ค่อยๆเปลี่ยน จากที่รู้สึกมีความภาคภูมิใจในตัวเองว่าตัวเองเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก กลายเป็นว่าผมรู้สึกผิด ผมรู้สึกว่าตัวเองนี่มันแย่และชั่วที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ แล้วก็มีความคิดหนึ่งของผมเข้ามาบอกว่า แล้วเราจะทำยังไงดีถึงจะหลุดพ้นจากสภาพที่เป็นอยู่ได้ ต้องมีใครสักคนที่มีฤทธิ์อำนาจสามารถช่วยเหลือคนที่ดำเนินชีวิตไปผิดพลาดไปอย่างผมได้ ใคร? ถ้าพระเยซูเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ก็คงเป็นแค่ป้ายบอกทางให้คำสอน ให้คนนำเอาคำสอนไปประพฤติและปฏิบัติเอง ให้เอาไปช่วยเหลือตัวเอง ก็ไม่ค่อยมีความหวัง แต่ถ้าพระเยซูเป็นมากกว่านั้นล่ะ...

เสร็จแล้วผมก็ได้คุกเข่าลงและอธิษฐาน

'พระเจ้า ผมก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ผมจะเชื่อพระองค์มั้ย แต่วันนี้ตอนนี้ผมเชื่อพระองค์ พระองค์จะเข้ามาทำอะไรในชีวิตผม ผมยินดีเลยครับ' จากนั้นผมก็อธิษฐานรับเชื่อในคุก

ในปีค.ศ 1996 พออธิษฐานเสร็จเหมือนโลกทั้งโลกของผมได้เปลี่ยนไป บรรยากาศก็เปลี่ยน รู้สึกประหลาดแปลกๆ จิตใจสงบขึ้น มีสันติสุข และความสับสนวุ่นวายในชีวิตหายไป กลายเป็นความไว้วางใจเหมือนได้พักสงบ

หลังจากที่รับเชื่อ ผมก็รู้สึกมีความละอายใจที่ไปทำร้ายพ่อตัวเอง รู้สึกอาย อายต่อบาป รู้สึกจะทำยังไงดีถ้าเราจะไปสารภาพขอโทษคุณพ่อ ส่วนตัวท่าน(คุณพ่อ)เองก็คงไม่คาดคิดว่าผมมาเป็นคริสเตียนได้ยังไง แต่ทว่าผมก็ตัดสินใจเขียนจดหมายไปถึงท่าน ปรากฏว่าคุณพ่อมาเยี่ยมผมที่เรือนจำ ผมขอโทษท่าน คุณพ่อให้อภัยผม พร้อมกล่าวว่า

'พ่อเองก็ไม่คาดคิด ว่าลูกจะกลับมาคืนดี มาพูดคุยกับพ่ออีก' "

David ติดคุกอยู่ 5 ปี ในปีค.ศ. 2000 เขาก็ได้รับการปล่อยตัวออกมา เสร็จแล้วเขาก็ได้เข้าไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี

 

 

อิสลาม

ขณะที่ David กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นปริญญาตรีอยู่นั้น เขาก็ได้ไปเจอกับมุสลิมคนหนึ่งมาดาวะห์ (ประกาศ) มุสลิมคนนั้นชื่อ "Nabeel Qureshi" ให้(ผมเคยเขียนชีวประวัติของเขาไปแล้ว ใครที่ยังไม่ได้อ่านลองไปอ่านกันได้ครับ) ซึ่ง Nabeel มีความตั้งใจแรงกล้าที่จะพา David เข้ารับอิสลามให้ได้ ที่ David ทำ ก็คือเขาเข้าไปศึกษาอิสลามแบบเอาจริงเอาจัง ไล่ไปตั้งแต่ประวัติศาสตร์การก่อตั้งศาสนาอิสลาม ชีวิตนบีมูฮัมหมัด ศึกษาอัลกุรอานและหะดีษ เรียกได้ว่ามีอะไรให้ศึกษาก็ศึกษาจนหมดเปลือก จนกระทั่งเขาได้ข้อสรุปออกมาว่า

"นบีมูฮัมหมัดและศาสนาอิสลาม มีคำสอนที่เต็มไปด้วยความรุนแรง และทำให้บุคคลที่ได้รับคำสอนเหล่านั้นมีพฤติกรรมหัวรุนแรง"

จากการที่ Nabeel พยายามที่จะให้ David เข้ารับอิสลาม

กลายเป็นว่า Nabeel ออกจากอิสลามและรับเชื่อพระเยซูกลายเป็นคริสเตียนตาม David

จากนั้นทั้งคู่ก็ได้กลายเป็นเพื่อนรักคนสนิท และร่วมรับใช้พระเจ้าร่วมกันเรื่อยมาในสายพันธกิจปกป้องความเชื่อด้านอิสลาม

Nabeel ได้จบชีวิตลงในปี ค.ศ.2017 ด้วยโรคมะเร็ง

ส่วน David ได้จบปริญญาเอก และรับยศ ดอกเตอร์(ดร.) ในปี ค.ศ.2013

ถึงแม้เพื่อนรักร่วมรับใช้ในพันธกิจของ David อย่าง Nabeel ได้จากไปแล้ว

แต่ David ก็คงเดินหน้าตั้งใจทำพันธกิจรับใช้พระเจ้าต่อไป(พันธกิจของเขาชื่อว่า Acts 17 Apologetics)

เขาได้ทำงานรับใช้ร่วมกับทั้ง Sam Shamoun , Christian prince หรือแม้แต่ร่วมวิพากษ์วิจารณ์อิสลามร่วมกับ Apostate Prophet ก็ตาม

(สามารถไปตามได้ใน YouTube นะครับ)

 

 

คลิปวีดีโอ (ภาษาอังกฤษ) ของ David Wood ที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับหลักการอิสลาม
https://archive.org/was-nabeel-qureshi-a-muslim-david-wood_202106

 

ติดตาม David Wood ได้ที่ช่อง Youtube ของเขา

 

 

 

 

Cr.ข้อมูล:https://vigi-sectes.org/david-wood-why-i-am-a-christian/ , https://youtu.be/4xhBeUCKmDo , https://youtu.be/SlJkrB1ktUU ,

https://en.m.wikipedia.org/.../David_Wood_(Christian...

(จริงๆข้อมูลชีวประวัติที่ผมเอามามันยังไม่หมด พี่น้องสามารถไปตามอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในลิงค์อ้างอิงข้อมูล อันที่ 1 กับ 2 ได้เลยครับ เนื้อเรื่องเดียวกัน ส่วนของผมกับลิงค์อ้างอิงอันที่ 3 กับ 4 เป็นแบบสรุป)

ขอบคุณที่อ่านจนจบ

และขอพระเจ้าอวยพรและประทานสติปัญญาให้กับพี่น้องทุกท่านนะครับ

คัดลอกจากเฟสบุค : Kammunth Pun
https://www.facebook.com/1382438239175010/