เกมส์

รวมโปร

รวมรีวิว

ลงขายฟรี

วิธีสั่งซื้อ
ทางลัด
กำลังโหลดหน้าเพจ
LGBQT+ การสมรสเท่าเทียม

LGBQT+ ในมุมมองคาทอลิก

LGBQT+ สมรสเท่าเทียม คาทอลิก 1

หมวดหมู่ย่อย
LGBQT+ ในมุมมองคาทอลิก
LGBQT+ ในสายตาพระคัมภีร์
สมรสเท่าเทียมของคาทอลิก
คาทอลิกที่เป็น LGBQT+
ถามตอบสำคัญสำหรับ LGBQT+
LGBQT+สมัครเรียนคำสอน


สภาผู้แทนราษฎรประเทศไทย ได้มีมติผ่านพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียมแล้ว และ รอประกาศลงในพระราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคาดว่าน่าจะมีผลบังคับใช้ภายในปี 2025 ซึ่งจะมีสถานะเป็นกฏหมายซึ่งอนุญาตให้ผู้ที่มีเพศเดียวกันสัญชาติไทยสามารถจดทะเบียนสมรสได้

ย้อนกลับไปก่อนที่กฏหมายของไทยจะผ่านสภา เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2023 สมณกระทรวงพระสัจธรรม ได้ออกปฏิญญาชื่อ Fiducia Supplicans*2 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการให้ “ความหมายเชิงอภิบาลของการอวยพร” ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะอวยพรคู่รักที่มีเพศเดียวกันได้

และได้ก่อให้เกิดคําถามที่ได้รับจากสื่อมวลชนต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยในประเทศไทยนั้นคณะกรรมการที่ปรึกษาเทววิทยา สภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย ก็ได้รับฟังคำถามจากสาธารณะชนมากมาย เช่น

สัตบุรุษที่เป็นคาทอลิกที่มีเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายบ้านเมืองได้หรือไม่ ? และสําหรับผู้ที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายบ้านเมืองแล้ว อยากจะมารับพรจากศาสนบริกร (พระสงฆ์) ที่ได้รับศีลบรรพชา ได้หรือไม่ ? และ พระสงฆ์จะสามารถอวยพรคู่สมรสดังกล่าวได้หรือไม่ ? หรือ คู่สมรสที่หย่าร้างแล้วไปอยู่กินกับผู้อื่น หรือ ไปแต่งงานใหม่ตามกฎหมายบ้านเมือง (irregular or same sex union) ได้หรือไม่ ? และ ถ้าสามารถกระทําได้ มีแนวทางการปฏิบัติอย่างไร ?

โดยคณะกรรมการที่ปรึกษาฯ ได้ประชุมร่วมกันในการหาคำตอบและข้อยุติในประเด็นเรื่องการสมรสเท่าเทียม และได้มีการเผยแพร่บันทึกออกมาสู่สาธารณชน โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้



LGBQT+ สมรสเท่าเทียม คาทอลิก 2

ศีลสมรสเป็นกฏเกณฑ์ของพระเจ้าที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้

คําสอนของพระศาสนจักรคาทอลิกเรื่อง ศีลสมรส (the sacrament of marriage) นั้นมีจุดยืนชัดเจนเหมือนเดิมมาเสมอตามความในพระคัมภีร์ซึ่งได้กำหนดศีลสมรสไว้ว่า ต้องมีองค์ประกอบครบถ้วนทุกข้อดังนี้ คือ

(1) สงวนไว้เฉพาะระหว่างชายและหญิงเท่านั้น (exclusive)
(2) มีความมั่นคงถาวร (stable)
(3) ไม่สามารถหย่าร้างได้ (indissoluble)
(4) การให้กําเนิดและการอบรมบุตรธิดา (FS, no. 4)

ด้วยเหตุนี้ การจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายบ้านเมืองระหว่างผู้ที่มีเพศเดียวกัน จึงขัดกับลักษณะที่เป็นสาระสําคัญของการสมรสในความหมายของศีลศักดิ์สิทธิ์

ดังนั้น บุคคลที่มีเพศเดียวกันจึงไม่สามารถเข้าพิธีแต่งงานตามจารีตพิธีกรรมที่มีมาแต่ดั้งเดิมของพระศาสนจักรได้
เช่นนั้นเอง การกระทํา หรือ พฤติกรรมใดที่ขัดแย้งกับสาระสําคัญของสภาพดังกล่าว จึงไม่สามารถยอมได้ และ ไม่มีผู้มีอํานาจใด ไม่ว่าผู้มีอํานาจทางบ้านเมือง หรือ ผู้มีอำนาจทางพระศาสนจักร จะเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่เป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้า (divine law) ได้



แนวทางการอภิบาลของพระศาสนจักรคาทอลิกต่อ LQBT+ คือ 'เมตตา' เพราะเป็นพระศาสนจักรที่ไม่ละทิ้งใครเลย (inclusive)

พระศาสนจักรคาทอลิกเป็นพระศาสนจักรที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงสถาปนาขึ้น สืบต่อจากบรรดาอัครสาวกสมเด็จพระสันตะปาปา ผู้อภิบาล ศาสนบริกร และผู้รับใช้ แม้ว่าพระศาสนจักรกําลังเดินทางอยู่ในโลกนี้ แต่ก็เป็นพระศาสนจักรที่จะไม่ละทิ้งใครเลย (inclusive)

ทั้งนี้ เพราะพระเมตตากรุณาของพระเยซูคริสตเจ้าซึ่งภารกิจของพระองค์ คือ เสด็จลงมาเพื่อตามหาคนบาป และ เราทุกคนเป็นคนบาปเสมอหน้ากัน ไม่ว่าจะรักต่างเพศชายและหญิงก็มีบาปของตัวเอง ซึ่งก็เป็นบาปที่ไม่ได้ต่างจากการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกันเลย


แนวทางการอภิบาลแบบค่อยเป็นค่อยไป (the law of gradualness)

"The gradualness of the law" เป็นหลักการที่ใช้กันทั่วไป คือ เน้นที่การบังคับใช้กระบวนการทางกฏหมายให้มีผลต่อทุกคนอย่างเสมอหน้ากัน แต่กระทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อป้องกันความรุนแรงจากความไม่พร้อมของคนที่มีความสามารถต่างกัน

ซึ่งเป็นปกติขององค์กรไม่ว่าจะในระดับใดจนใหญ่ถึงระดับประเทศที่จะใช้หลักกฏหมายนี้ เพื่อเปลี่ยนแปลงทิศทางการปฏิบัติของทุกคนในประเทศนั้น ๆ เช่น กฏหมายเกี่ยวกับเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากเดิมของไทย คือ 5% มาเป็น 7% ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ก็เป็นที่ยอมรับและปฏิบัติกันถ้วนหน้าทุกคนว่า เราจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จากราคาสินค้าหรือบริการที่เราใช้จ่าย เพื่อนำภาษีนั้นไปบำรุงประเทศ

ในขณะที่พระศาสนจักรเลือกใช้แนวทาง "The law of gradualness" คือ ให้การเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่ได้มีผลบังคับว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับคนหนึ่งได้ จะต้องเกิดขึ้นอย่างเสมอหน้ากันกับอีกคนหนึ่งด้วย

การที่พระศาสนจักรเลือกใช้แนวทาง "The law of gradualness" เพราะถือตัวว่า พระศาสนจักรจะเป็นผู้ร่วมเดินทางไปกับ LGBQT+ และ พระศาสนจักรจะพยายามที่เข้าใจและให้กําลังใจต่อความยากลําบากที่เกิดจากการเป็นผู้ที่มีศรัทธาในพระเจ้า แต่มีความสัมพันธ์ทางกายกับเพศเดียวกัน

การที่พระศาสนจักรเลือกแนวทางนี้ ก็เพื่อจะได้ช่วยให้ LGBQT+ ผู้มีศรัทธาในพระเจ้าจะสามารถพัฒนาก้าวหน้าอย่างเป็นขั้น เป็นตอน โดยอาศัยความรักของพระศาสนจักรที่คอยโอบอุ้มพวกเขา ดุจดังที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงกางแขนออกจนสุดบนไม้กางเขน และกอดรับคนบาปทุกคนโดยไม่ได้คำนึงลักษณะความบาปของมนุษย์ จนความรักนั้นสามารถละลายและเปลี่ยนแปลงมนุษย์ได้

LGBQT+ สมรสเท่าเทียม คาทอลิก 9

โดยพระศาสนจักรมองว่า เราทุกคนที่มีเพศสภาพปกติจะต้องแยกระหว่างการกระทําของคนนั้นกับการมีอัตลักษณ์ของตัวบุคคล ออกจากกัน และ การแยกแยะแบบนี้ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ถูกต้องในการอภิบาลสำหรับ LGBQT+

เพราะความโน้มเอียงในการสนใจในเพศเดียวกัน หรือ สนใจทั้งสองเพศพร้อม ๆ กัน แม้ว่าเป็นความบิดเบือนจากลักษณะที่ทรงสร้างไว้ว่า ชายจะต้องมีใจที่สนใจความสวยงามของหญิง และ หญิงก็จะต้องมีใจที่สนใจความงดงามของชาย แต่การสนใจเพศเดียวกันก็ไม่ใช่เป็นบาป เพราะบุคคลที่มีความโน้มเอียงรักและประทับใจในเพศเดียวกันไม่เป็นความผิด

เช่น เด็กผู้ชายที่หลงใหลนักร้องผู้ชาย โดยไม่ใช่ในลักษณะหลงใหลอยากจะเป็นนักร้องตามแบบอย่างศิลปิน แต่มีความสุขใจที่ได้คิดถึง ได้ดู ได้ติดตาม เหมือนได้มีเพื่อนทางใจให้ผูกพัน ได้รู้สีกมีกำลัง โดยไม่ได้มีความต้องการทางเพศสัมพันธ์ออกมา ลักษณะแบบนี้ไม่ได้เป็นบาป หรือ แม้กระทั่งผู้ที่รักเพศเดียวกันและพึงพอใจที่จะมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกันได้ แต่ถ้าพวกเขามิได้กระทำการมีเพศสัมพันธ์ใด ๆ พวกเขาก็ไม่ได้ทำบาปเช่นกัน

ในขณะที่แนวคิดที่ว่า 'การคิดล่วงประเวณีทางใจ' ที่เราถือว่าเป็นบาป ก็เป็นมาตรฐานศีลธรรมของพระเยซูเจ้าที่ต้องใช้กับทุกคนเสมอหน้ากัน ไม่ได้จำกัดว่าจะเป็นผู้รักต่างเพศ หรือ รักเพศเดียวกัน

ดังนั้นการรักเพศเดียวกัน หรือ รักทั้งสองเพศพร้อมกัน ก็สามารถกระทำบาปในเรื่อง 'การคิดล่วงประเวณีทางใจ' ได้เช่นเดียวกันกับคนรักต่างเพศ หากชายใดคิดล่วงประเวณีกับหญิง และ หญิงใดคิดล่วงประเวณีกับชาย ก็ได้กระทำบาปแล้ว ดังนั้น บาปในข้อนี้ไม่น่าจะนำมาใช้เป็นข้ออ้างได้ว่า การสนใจเพศเดียวกันกันนั้นเป็นบาป เพราะตราบเท่าที่ผู้นั้นไม่ได้คิด 'ล่วงประเวณีทางใจ' การสนใจเพศเดียวกันก็ไม่ใช่ความบาปแต่อย่างใด

แต่ก็มีข้อห้ามในเรื่องของการแสดงออกทางการแต่งกายด้วย (มิใช่ท่าทาง วาจา ซึ่งหมายถึงบุคลิกภาพ) ที่ชายและหญิงจะต้องแต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายตามเพศสภาพแต่กำเนิดของตัวเอง และ กฏข้อนี้ก็ใช้กับทุกคนถ้วนหน้าเสมอกันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการมีเพศสัมพันธ์แต่อย่างใด

ส่วนพฤติกรรมการแสดงออกทางเพศต่อเพศเดียวกัน (การแสดงออกว่าผู้นั้นพึงพอใจและยอมรับการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน) ถือว่าเป็นบาป (sin) ในมาตรฐานของพระเจ้า แต่ก็ไม่ใช่อาชญากรรม (not a crime) ในมาตรฐานทางกฏหมายที่จะต้องมีการปฎิบัติต่อผู้กระทำความผิด

เช่น คนที่ปล้นฆ่าและข่มขืน กับ ชายผู้ที่รักเพศเดียวกันและมีความสัมพันธ์ทางเพศ ทั้งสองคนนี้ได้กระทำบาปต่อพระเจ้าเท่ากัน แต่ว่า คนที่ปล้นฆ่าและข่มขืนนั้นถือว่าเป็นอาชญากรรมจะต้องได้รับการปฏิบัติตอบโต้กลับด้วยกฏหมายและสังคม เช่น การถูกจองจำรวมถึงการพิพากษาประหารชีวิต ถูกสังคมรังเกียจเดียดฉันท์

แต่ชายผู้ที่รักเพศเดียวกันและมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเพศเดียวกัน โดยยินยอมเต็มใจทั้งสองฝ่าย พวกเขาไม่ได้ก่ออาชญากรรม จึงไม่ต้องได้รับการปฏิบัติตอบโต้กลับด้วยกฏหมายและสังคมใด ๆ

และ นั่นเองที่เป็นเหตุผลว่า พระศาสนจักรจึงไม่สามารถปฏิบัติกับผู้รักเพศเดียวกันหรือรักต่างเพศ ไม่ว่าพวกเขาจะมีการสำแดงชัดเจนว่า มีเพศสัมพันธ์ทางกายต่อกันหรือไม่ ? ด้วยการพิพากษาพวกเขา หรือ สาปแช่งพวกเขาให้ตกนรก หรือ รังเกียจเดียจฉันท์พวกเขา

พระศาสนจักรจึงจะต้องปฏิบัติกับ LGBQT+ ด้วยการตั้งใจรับฟังด้วยหัวใจ (listen with heart) เพื่อจะเข้าใจสถานการณ์และสภาวะของบุคคล และ นั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของพระศาสนจักรที่จะประกาศข่าวดีให้กับพวกเขาและสามารถก้าวเดินไปทีละก้าวกับ LGBT+ ด้วยความรัก จนกว่าพวกเขาจะเดินเข้าไปถึงความรักของพระเจ้าได้



LGBQT+ สมรสเท่าเทียม คาทอลิก 10

หลักการของปฏิญญาความวางใจที่วอนขอ (Fiducia Supplicans) ที่พูดถึงหลักการดูแล LGBQT+ ผ่านการอวยพรแทนการประกอบพิธีสมรสให้



1.

ปฏิญญา Fiducia Supplicans ไม่ได้เปลี่ยนคําสอนของพระศาสนจักร เรื่องการแต่งงานซึ่งประกอบไปด้วย การสงวนไว้เฉพาะระหว่างชายและหญิงเท่านั้น (exclusive) มีความมั่นคงถาวร (stable) และไม่สามารถหย่าร้างได้ (indissoluble) และเพศสัมพันธ์เกิดขึ้นได้เฉพาะในการสมรสระหว่างชายและหญิงเท่านั้น ไม่มีอำนาจใดที่สามารถเปลี่ยนแปลงธรรมชาติที่เป็นสาระสำคัญนี้ได้


2.

จุดประสงค์ของปฏิญญา Fiducia Supplicans เจาะจงไปที่การอวยพรในเชิงอภิบาล (อภิบาล คือ ให้เลี้ยงดูและดูแลไม่ว่าพวกเขาจะมีเงื่อนไขในชีวิตอย่างไร) เหตุเพราะว่าจะต้องมีคู่รักเพศเดียวกัน เข้ามาขอให้พระสงฆ์ประกอบพิธีสมรสให้ โดยอ้างถึงกฏหมายที่อนุญาตให้แล้ว

หากไม่มีการกำหนดแนวทางให้เป็นปฏิญญา เพื่อให้พระศาสนจักรคาทอลิกปฏิบัติเหมือนกันทั่วโลกแล้ว การปฏิบัติของพระสงฆ์ต่อ LGBQT+ ในเรื่องการขอเข้ารับพิธีสมรสของคู่รักเพศเดียวกัน อาจก่อให้เกิดการสะดุดต่อ LGBQT+ และอาจรุนแรงถึงขั้นผลักดัน LGBQT+ ให้ออกห่างจากความรักของพระเจ้า และ นั่นไม่ใช่สิ่งที่พระศาสนจักรต้องการให้เกิดขึ้นเลย

ปฏิญญา Fiducia Supplicans เจาะจงไปที่ แนวคิดของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ซึ่งอธิบายการตีความในเรื่องอวยพรว่า การอวยพรตามหลักคำสอนและพิธีกรรม กับ การอวยพรแบบเรียบง่าย มีความแตกต่างกัน ดังนี้

การอวยพรในศีลศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ จะต้องเป็นไปตามหลักคำสอนและพิธีกรรมเหมือนเดิม เช่น ในกรณีศีลสมรสนั้น พระสงฆ์จะอวยพรได้เมื่อเป็นคู่สมรสชายและหญิงตามเพศสภาพกำเนิดที่ผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ของพระศาสนจักรมาอย่างถูกต้องเท่านั้น

การอวยพรแบบเรียบง่าย เป็นไปเพื่อให้พวกเขาได้รับพระเมตตาของพระเจ้า ที่พวกเขาสามารถมาขอพระพร พระหรรษทาน เพื่อการดําเนินชีวิตที่ดีขึ้น และวอนขอองค์พระจิตเจ้าที่จะประทานความหมายแห่งพระวรสาร (พระคัมภีร์ 4 ฉบับ คือ มัทธิว มาระโก ลูกา และ ยอห์น) ให้แก่จิตวิญญาณของพวกเขา เพื่อนําเอาไปปฏิบัติในชีวิตจนบรรลุถึงความครบครันได้

การอวยพรแบบเรียบง่ายจึงเป็นท่าทีภายนอกแบบเปิด เพื่อให้ LGBT+ ได้เห็นท่าทีของความรัก ความเห็นอกเห็นใจจากผู้รับใช้ของพระเจ้าซึ่งจะต้องมีอยู่ล้นอย่างเสมอ ไม่ว่าผู้ที่เข้ามาหาผู้รับใช้ของพระเจ้าจะมีสภาพชีวิตอย่างไร ไม่ว่าจะเคยเป็น หรือ ยังเป็นอยู่ในความบาปต่าง ๆ เช่น การลักขโมย, การเป็นชู้, การฉ้อโกง ฯลฯ ผู้รับใช้ของพระเจ้าจะต้องมีท่าทีภายนอกและภายในที่เต็มล้นไปด้วยความรักอยู่เสมอ


3.

ตัวอย่างคำอวยพรแบบเรียบง่าย: "ขอพระเจ้าทรงอวยพรให้ท่านมีสุขภาพดี มีงานทำ มีสันติสุข และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ขอให้ชีวิตของท่านอยู่ในพระพรและพระประสงค์ของพระองค์ อาแมน"


4.

การอวยพรแบบเรียบง่ายนี้ ไม่ได้ หมายถึง การรับรองสถานภาพของคู่รักต่างเพศ หรือ คู่สมรสเพศเดียวกัน เพราะการจดทะเบียน หรือ การอยู่กินร่วมกันไม่ว่าจะต่างเพศ หรือ เพศเดียวกัน ไม่ใช่เป็นการสมรสในความหมายของศีลสมรสศักดิ์สิทธิ์ตามความในพระคัมภีร์

อีกทั้ง การอวยพรแบบเรียบง่ายไม่ได้อนุญาตให้พระสงฆ์มีท่าทีภายนอกที่กระทำจนให้ผู้อื่นเข้าใจว่า พระศาสนจักรได้รับรองสถานภาพการสมรสนั้น หรือ อนุมัติให้อยู่กินร่วมกันเช่นนั้นได้ แต่การอวยพรแบบเรียบง่ายเป็นการไม่ปิดกั้นชีวิตของพวกเพื่อจะได้รับพระพรและพระหรรษทานจากพระเจ้า เพื่อดำเนินชีวิตตามคุณค่าของพระวรสาร


5.

เมื่อการจดทะเบียนสมรสเพศเดียวกันได้ตามกฏหมาย หรือ การอยู่ร่วมกันและได้รับสิทธิ์ประโยชน์ต่าง ๆ ตามกฏหมาย ไม่ใช่เป็นการสมรสตามความหมายอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว พระสงฆ์ควรอวยพรด้วยการอวยพรที่สั้น กระทัดรัด ปราศจากรูปแบบในพิธีกรรม โดยต้องมีความรอบคอบ เหมาะสมกับสถานการณ์ และหลีกเลี่ยงการสร้างความสะดุดต่อความเชื่อของผู้อื่น

ถ้าพระสงฆ์หรือสังฆานุกรมั่นใจว่า คู่รักเพศเดียวกันนั้นกําลังแสวงหาหลักฐานการรับรองพันธะ เพื่อหวังจะได้รับการรับรองสถานภาพของตนจากพระศาสนจักร โดยนำหลักฐานการอวยพรนั้นไปใช้แสดงออกถึงการยอมรับของพระศาสนจักร ในช่องทางใด ๆ เช่น การขอถ่ายรูป หรือ บันทึกคลิปวีดีโอไว้ในขณะที่มีการอวยพรให้คู่รักเพศเดียวเพื่อหวังจะนำไปเผยแพร่ในโซเชียล หรือ การบันทึกรายการถ่ายทำใด ๆ หรือ ให้กระทำการอวยพรในที่สาธารณะชนที่มีคนจำนวนมาก หรือ ต่อหน้าผู้อื่นใด พระสงฆ์หรือสังฆานุกรควรปฏิเสธการอวยพรดังกล่าว โดยยึดหลักความรักและการแสดงออกถึงความเข้าอกเข้าใจ

ซึ่งยังรวมไปถึงไม่อวยพรแบบเรียบง่ายให้กับชายหญิงที่อยู่ร่วมกันก่อนแต่งงาน และผู้ที่แต่งงานแล้ว หย่าร้างแล้ว ไปแต่งงานใหม่ตามกฎหมายบ้านเมืองด้วย หากพบว่าผู้ขอรับการอวยพรนั้นต้องการการรับรองสถานภาพที่ขัดกับหลักศาสนา ศาสนบริกรควรปฏิเสธการอวยพรนั้น

การอวยพรโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้อื่นได้รับพระเมตตาคุณของพระเจ้าในชีวิตนั้น เป็นเรื่องที่พระคัมภีร์สนับสนุนอย่างหนักแน่น และสามารถใช้เป็นการกระทำเพื่อแสดงถึงความรักในตัวของผู้นั้นด้วย

การอวยพรคู่รัก LGBQT+ มิได้ให้ความหมายว่า เป็นการประกอบพิธีสมรส หรือ รับรองว่าเห็นด้วยกับการใช้ชีวิตร่วมกันแบบคู่รักของพวกเขาแต่อย่างใด และยังกระทำอยู่ภายใต้กรอบที่จะไม่ให้ผู้อื่นใดเกิดการสะดุดอย่างรอบคอบ



LGBQT+ สมรสเท่าเทียม คาทอลิก 11

การอวยพรแบบเรียบง่ายนั้นเป็นไปเพื่อขอวิงวอนให้พระเจ้าได้โปรดทรงเมตตาต่อพวกเขา วอนขอให้พวกเขายังคงได้รับพระพรต่าง ๆ เพื่อการดําเนินชีวิตที่ดีขึ้นในทุกด้าน จนคุณค่าของพระวรสารปรากฏในชีวิตของพวกเขา

ในขณะที่การแสดงออกด้วยคำพูดแช่งสาป LGBQT+ โดยอ้างถึงพระคัมภีร์ ก็ไม่ได้เป็นการช่วยให้พวกเขาได้ตระหนักถึงพระเมตตาคุณที่อยากช่วยพวกเขา แต่ยิ่งกลับเป็นการผลักไสพวกเขาให้ห่างไกลจากความรอดมากขึ้น และไม่ใช่ LGBQT+ เท่านั้นที่ถูกผลักให้ไกลความรอด แต่ผู้ที่แช่งสาปเองก็ด้วยเช่นกัน เพราะผลของความบาปในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาต้องรับผิดชอบกับพระเจ้าเป็นการส่วนตัว มิใช่ เรื่องของเราที่จำต้องพิพากษาพวกเขาไปล่วงหน้า แต่สิ่งที่พวกเราควรทำไปล่วงหน้า คือ การแสดงความรักนั่นเอง

ลูกา 6:37-38 "อย่า​ตัดสิน​เขา(ไม่ให้โอกาสและความรัก) แล้ว​พระ​เจ้า​จะ​ไม่​ทรง​ตัดสิน​ท่าน อย่า​กล่าว​โทษ​เขา(ไม่ให้โอกาสและความรัก) แล้ว​พระ​เจ้า​จะ​ไม่​ทรง​กล่าว​โทษ​ท่าน จง​ให้​อภัย(ความรัก) ​เขา​แล้ว​พระ​เจ้า​จะ​ทรง​ให้​อภัย​ท่าน จง​ให้(ความรัก) แล้ว​พระ​เจ้า​จะ​ประ​ทาน(ความรักและโอกาส) ​แก่​ท่าน ท่าน​จะ​ได้​รับ(ความรัก) ​เต็ม​สัด ​เต็ม​ทะนาน ​อัด​แน่น ​จน​ล้น เพราะว่า​ท่าน​ใช้ (การปฏิบัติ) ​ทะนาน​ใด​ตวง​ให้​เขา พระ​เจ้า​ก็​จะ​ทรง​ใช้ (การปฏิบัติ) ​ทะนาน​นั้น​ตวง​ตอบแทน​ให้​ท่าน​ด้วย”



LGBQT+ สมรสเท่าเทียม คาทอลิก 12


หมวดหมู่ย่อย
LGBQT+ ในมุมมองคาทอลิก
LGBQT+ ในสายตาพระคัมภีร์
สมรสเท่าเทียมของคาทอลิก
คาทอลิกที่เป็น LGBQT+
ถามตอบสำคัญสำหรับ LGBQT+
LGBQT+สมัครเรียนคำสอน




เรื่องเกี่ยวข้องจากโซเชียล

facebook-logo-svgrepo-com.svg
คลิก  เพิ่มเพื่อน  รับข่าวแวดวงคาทอลิกถึงหน้าจอ