สาระพระคัมภีร์
การกลับคืนชีพเกิดขึ้นอย่างไร
1คร 15:50
พี่ น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอบอกว่า มนุษย์ตามธรรมชาติรับพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดกไม่ได้ สิ่งที่เน่าเปื่อยได้รับสภาพไม่เน่าเปื่อยเป็นมรดกไม่ได้ โปรดฟังเถิด ข้าพเจ้ามีธรรมล้ำลึกข้อหนึ่งจะบอกท่าน เราทุกคนจะไม่ตาย แต่เราทุกคนจะเปลี่ยนแปลง ทันทีทันใด ชั่วพริบตา เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เสียงแตรจะดังขึ้น แล้วผู้ตายจะกลับคืนชีพอย่างไม่เน่าเปื่อย และเราจะเปลี่ยนแปลง เพราะธรรมชาติที่เน่าเปื่อยได้ของเรานี้ จะต้องสวมใส่ความไม่เน่าเปื่อย และธรรมชาติที่ต้องตายนี้ จะต้องสวมใส่ความไม่รู้จักตาย
1ธส 4:13
พี่ น้องทั้งหลาย เราไม่อยากให้ท่านขาดความรู้ความเข้าใจถึงเรื่องผู้ล่วงหลับคือผู้ที่ตายไป แล้ว เพื่อท่านจะได้ไม่โศกเศร้าเหมือนคนอื่นที่ไม่มีความหวัง เราเชื่อว่าพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพ เราจึงเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงนำบรรดาผู้หลับอยู่มากับพระองค์โดยทางพระเยซู เจ้าเช่นเดียวกัน ตามพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราขอบอกท่านว่า เราผู้ยังมีชีวิตและรออยู่จนถึงวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะไม่ได้เปรียบบรรดาผู้ที่ล่วงหลับไปแล้ว เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จลงมาจากสวรรค์ตามพระบัญชา เมื่อมีเสียงหัวหน้าฑูตสวรรค์และเสียงแตรของพระเจ้า บรรดาผู้ตายในพระคริสตเจ้าจะกลับคืนชีพก่อน ต่อจากนั้น เราผู้ยังมีชีวิตอยู่ จะถูกรับขึ้นไปในกลุ่มเมฆพร้อมกับพวกเขา ไปพบองค์พระผู้เป็นเจ้าในท้องฟ้าเราจะได้อยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป
---เหตุการณ์นี้ แยกเป็น2กลุ่ม
กลุ่มแรก คนที่ตายไปแล้ว
คนที่ตายไปแล้วจะกลับคืนชีพขึ้นมา เนื้อหนังที่อาจไม่หลงเหลืออยู่แล้ว พระเจ้าก็รวบรวมกลับมาได้ เป็นกลุ่มที่ตายแล้วกลับมีชีวิต
กลุ่มที่สอง คนที่มีชีวิตอยู่
คน ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลานั้น จะเกิดการมีชีวิตใหม่ซ้อนทับขึ้นมา คือร่างกายเดิมถูกกลืนโดยร่างกายใหม่โดยไม่ต้องตายก่อน แต่เปลี่ยนเป็นร่างใหม่เลย
1คร 15:54
เมื่อสิ่งที่เน่าเปื่อยนี้จะสวมใส่ความไม่เน่าเปื่อย และเมื่อธรรมชาติที่ต้องตายนี้จะสวมใส่ความไม่รู้จักตายแล้ว ก็จะเป็นจริงตามคำที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ความตายถูกชัยชนะกลืน ความตายเอ๋ย ชัยชนะของเจ้าอยู่ไหน ความตายเอ๋ย พิษของเจ้าอยู่ไหน”
2คร 5:2
ตราบ ใดที่เราอยู่ตามสภาพปัจจุบัน เราก็คร่ำครวญปรารถนาอย่างยิ่งที่จะสวมใส่ร่างกายที่มาจากสวรรค์ ขณะที่ยังสวมร่างกายนี้อยู่ เราไม่เปลือยเปล่า โดยแท้จริงแล้ว ขณะที่เรายังอยู่ในร่างกายนี้ เรากำลังคร่ำครวญเพราะต้องแบกภาระหนัก เราไม่ปรารถนาจะถูกปลดเปลื้องจากร่างกายปัจจุบันนี้ แต่ต้องการสวมใส่ร่างกายจากสวรรค์ เพื่อสิ่งที่ตายได้จะถูกชีวิตกลืนเข้าไป
ดังนั้นความรอดของคริสตชน จึงไม่ใช่แค่สวรรค์ หรือที่รับบำเน็จในการทำความดี แต่คือการกลับบ้านแท้ และคือ การกลับไปสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้าผุ้เป็นบิดาแท้แห่งวิญญาณของเรา
ดังนั้นจึงไม่ใช่อะไรที่ไม่ถาวรหรือชั่วคราว เพราะถ้าเป็นแค่ที่รับบำเน็จจากการทำดี รางวัลหมด ก็อดอยู่ต่อ ก็ถูกต้องแล้ว แต่นี่คือการกลับบ้าน บ้านคือที่ที่เราอยู่กับพ่อแม่และคนที่เรารักตลอดไป
ยน 8:35
ทาสย่อมไม่พำนักอยู่ในบ้านตลอดไป
แต่บุตรพำนักอยู่ตลอดไป
เพราะฉะนั้น ถ้าพระบุตรทำให้ท่านเป็นอิสระ
ท่านก็จะเป็นอิสระอย่างแท้จริง
ดังนั้น ทาสทำความดีรับใช้เจ้านายเขาอยู่บ้านชั่วคราวรับค่าจ้างและต้องออกไป แต่ผู้ที่ยอมรับว่าตัวเองเป็นบุตร โดยการกล่าวเรียกและยอมรับพระเจ้าว่าพระบิดา ย่อมมีสิทธิ์ที่จะอยู่ตลอดไป
นั่น คือทำไม ความรอดพ้นของเรา จึงไม่ใช่สวรรค์แบบสวรรค์ในศาสนาอื่น และทำไม ผลการกลับคืนชีพของคริสตศาสนาจึงไม่ได้มาจากการทำความดีโดยไม่ต้องสนใจพระ เจ้า เพราะพระบุตรเท่านั้นที่ปลดเราจากทาสมาเป็นบุตรพระเจ้าได้ คนใช้ทำดีอย่างไร ก็เป็นแค่คนใช้ ในเมื่อเราสามารถรับสิทธิ์การเป็นบุตร เราจะหยุดอยู่เพียงการเป็นคนรับใช้ทำไม
พระเยซูคริสต์ เข้ามาในโลกนี้เพื่อจะบังเกิดเป็นมนุษย์เหมือนเรา เพื่อให้มนุษย์สามารถถูกนับเป็นพี่น้องของพระองค์ และเพื่อจะมีสิทธิ์กลับเป็นบุตรพระเจ้าร่วมกับพระองค์ และกลับคืนชีพในพระองค์ด้วย
1ธส 5:9
เพราะ พระเจ้ามิได้ทรงกำหนดให้เราต้องรับโทษ แต่ทรงกำหนดให้เราได้รับความรอดพ้นเดชะพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของ เรา พระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา เราจะได้มีชีวิตอยู่ร่วมกับพระองค์
ขอพระประสงค์ของพระองค์จงสำเร็จไป ในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์ อาแมน
ขอขอบคุณ คุณ Holy แห่ง Newmana
ที่มา http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=7409.0